We use cookies, including cookies from third parties, to enhance your user experience and the effectiveness of our marketing activities. These cookies are performance, analytics and advertising cookies, please see our Privacy and Cookie policy for further information. If you agree to all of our cookies select “Accept all” or select “Cookie Settings” to see which cookies we use and choose which ones you would like to accept.
12 วิธีติดตั้งแอร์บ้านเย็นฉ่ำ หลายคนอาจไม่รู้ มีขั้นตอนยังไงบ้าง?
เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นในทุก ๆ วัน ทำให้คนหันมาใช้แอร์กันมากขึ้น แต่การจะให้แอร์เย็นฉ่ำและใช้งานได้ยาวนานนั้น ต้องเริ่มต้นจากวิธีติดตั้งแอร์ให้ถูกต้อง! การที่เรารู้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับวิธีการติดตั้งแอร์ก็เป็นประโยชน์ไม่น้อย เพราะสามารถช่วยให้เราเข้าใจวิธีการใช้งานแอร์ได้ดีขึ้น และหากเกิดปัญหา เราจะสามารถแก้ไขเบื้องต้นได้อย่างเหมาะสม ในบทความนี้ เราขอเสนอสาระดี ๆ เกี่ยวกับข้อควรรู้เกี่ยวกับการติดตั้งแอร์ที่ถูกต้อง เพื่อช่วยให้คุณมั่นใจและใช้งานแอร์ได้อย่างปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุด
1. ตรวจสอบพื้นที่สำหรับใช้ในการติดตั้งแอร์
ขั้นตอนแรกของวิธีติดตั้งแอร์เริ่มจากตรวจสอบพื้นที่ที่คุณต้องการใช้สำหรับการติดตั้งแอร์ โดยเฉพาะขนาดของห้องหรือพื้นที่ใช้งาน เพราะขนาดพื้นที่มีผลต่อการเลือกขนาด BTU แอร์ รวมถึงตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการติดตั้งคอมเพรสเซอร์และตัวเครื่องแอร์
2. เลือกของ BTU ของแอร์ให้เหมาะสมขนาดของห้อง
วิธีติดตั้งแอร์ในขั้นตอนที่ 2 วิธีการเลือก BTU แอร์ให้เหมาะสมขนาดห้อง โดยคุณสามารถคำนวณหาค่า BTU คร่าว ๆ ได้ง่าย ๆ โดยใช้สูตร พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ค่าตัวแปร ซึ่งค่าตัวแปรจะขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและระดับความร้อนของห้อง ยกตัวอย่างเช่น หากห้องนอนมีขนาดกว้าง 3 เมตร และยาวประมาณ 6 เมตร การคำนวณคือ 3 x 6 x 700 = 12,600 ดังนั้น ค่า BTU ที่เหมาะสมสำหรับห้องนี้จะอยู่ระหว่าง 12,000-14,000 BTU
โดยค่าตัวแปรสามารถพิจารณาได้จากลักษณะของห้อง โดยห้องที่มีความร้อนน้อย เช่น ห้องขนาดเล็ก ห้องนอนหรือห้องที่ไม่โดนแสงแดด จะใช้ค่าตัวแปรอยู่ที่ 700-800 แต่หากเป็นห้องรับแขกหรือห้องที่มีความร้อนปานกลางโดนแดดบางเวลา ค่าตัวแปรจะอยู่ที่ 800-900 และหากเป็นห้องที่มีความร้อนมาก หรือเเรียกง่าย ๆ ว่าอยู่ในพื้นที่ที่โดนแดดจัด และห้องที่มีฝ้าเพดานสูง ค่าตัวแปรควรเพิ่มขึ้นเป็น 900-1200
3. เลือกแอร์ที่มีฉลากเบอร์ 5 เท่านั้น
มาต่อกันที่ขั้นตอนการติดตั้งแอร์อย่างถูกต้อง อย่างที่เราทราบกันอยู่แล้วว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ รวมถึงเครื่องปรับอากาศ วิธีการเลือกใช้ควรเลือกใช้ที่มีฉลากเบอร์ 5 ติดอยู่ แต่รู้หรือไม่ว่า ฉลากเบอร์ 5 นั้นมีการระบุค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานสองแบบ คือ EER (Energy Efficiency Ratio) และ SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio)
ค่า EER ใช้สำหรับเครื่องปรับอากาศแบบความเร็วคงที่ (Fixed Speed) โดยวัดประสิทธิภาพการใช้พลังงานภายใต้อุณหภูมิภายนอกคงที่
ค่า SEER ค่ามาตรฐานใหม่ ใช้สำหรับเครื่องปรับอากาศแบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ที่สามารถปรับความเร็วรอบของคอมเพรสเซอร์ตามสภาวะโหลดและอุณหภูมิภายนอกที่เปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล
การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีค่า EER และ SEER สูงจะช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้น ดังนั้น ข้อแนะนำเพิ่มเติมสำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเลือกแอร์ ให้เลือกแอร์ที่มีฉลากเบอร์ 5 และมีค่า EER และ SEER สูง
4. เลือกประเภทของแอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
ในขั้นตอนที่ 4 ของวิธีติดตั้งแอร์ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการเลือกประเภทของแอร์ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งปัจจุบันแอร์ที่นิยมเลือกใช้กันจะมีอยู่ 2 ระบบหลัก ได้แก่ ระบบ Fix Speed (หรือระบบธรรมดา) และ ระบบ Inverter โดยทั้งสองระบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละพื้นที่
ระบบ Fix Speed (แอร์ธรรมดา) : ระบบนี้ทำงานโดยการตัดและสตาร์ทการทำงานของคอมเพรสเซอร์ เมื่ออุณหภูมิถึงจุดที่ต้องการแล้ว ระบบจะหยุดทำงานชั่วคราว และเมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ระบบจะเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง วิธีการนี้อาจทำให้เกิดการใช้พลังงานมากขึ้น เนื่องจากการสตาร์ทคอมเพรสเซอร์ใหม่แต่ละครั้งกินไฟมาก เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการเปิด-ปิดบ่อย เช่น ร้านค้า ร้านกาแฟ หรือสถานที่ที่อุณหภูมิไม่นิ่งตลอดเวลา
ระบบ Inverter : ระบบนี้มีความสามารถในการควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำกว่า เมื่ออุณหภูมิในห้องถึงจุดที่ต้องการแล้ว คอมเพรสเซอร์จะไม่หยุดทำงาน แต่จะลดรอบการทำงานลงเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิให้คงที่ ทำให้ประหยัดพลังงานและให้ความเย็นที่สม่ำเสมอ เหมาะสำหรับบ้านพักอาศัย หรือพื้นที่ที่มีการเปิด-ปิดไม่บ่อย
5. จัดเตรียมทำความสะอาดพื้นที่ติดตั้งแอร์
วิธีติดตั้งแอร์ที่บ้านนั้นให้จัดเตรียมทำความสะอาดพื้นที่ติดตั้งแอร์เป็นวิธีที่สำคัญอย่างมาก เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นที่ปราศจากฝุ่น สิ่งสกปรก หรือเศษวัสดุที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของแอร์ ควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาดหรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดพื้นผิวบริเวณผนังและพื้นที่โดยรอบ
6. เลือกตำแหน่งติดตั้งแอร์ตามประเภทของแอร์ที่เลือก
วิธีติดตั้งแอร์จำเป็นต้องคำนึงถึงตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสมกับประเภทของแอร์ที่เลือก สำหรับ แอร์แบบติดผนัง จะเหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง โดยแอร์ประเภทนี้มีขนาดเล็กกะทัดรัดและติดตั้งง่าย ส่วนแอร์แบบแขวนใต้ฝ้า เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากตัวเครื่องแขวนใต้ฝ้าเพดาน จึงช่วยกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง
สำหรับวิธีติดตั้งแอร์ 4 ทิศทางหรือแอร์ฝังซ่อนจะตอบโจทย์การตกแต่งที่ต้องการความสวยงามและกลมกลืนกับฝ้าเพดาน โดยวิธีติดตั้งแอร์ประเภทนี้มีความซับซ้อนและต้องอาศัยช่างผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ การเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแอร์และลดการสิ้นเปลืองพลังงานได้อย่างดี
7. ติดตั้งระบบท่อน้ำยาแอร์
ขั้นตอนที่ 7 วิธีติดตั้งแอร์ โดยติดตั้งระบบท่อน้ำยาแอร์ต้องใช้ความระมัดระวังและความชำนาญของช่างเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเข้าไปในท่อระหว่างการติดตั้ง หากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในระบบน้ำยาแอร์ อาจทำให้เครื่องแอร์ทำงานผิดปกติหรือเสียหายได้
8. การติดตั้งเครื่องคอมเพรสเซอร์แอร์
การติดตั้งเครื่องคอมเพรสเซอร์แอร์เป็นขั้นตอนที่สำคัญ เพราะคอมเพรสเซอร์ถือเป็นหัวใจหลักของระบบปรับอากาศ เชื่อว่ามีหลายคนที่สงสัยว่าติดคอมเพรสเซอร์แอร์ตรงไหนดี? ความจริงแล้วควรติดตั้งคอมเพรสเซอร์ภายนอกอาคาร โดยสามารถเลือกติดตั้งได้ทั้งแบบแขวนหรือแบบตั้งบนพื้น ควรติดตั้งให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 50 ซม. และหลีกเลี่ยงการติดตั้งในพื้นที่ที่มีสิ่งกีดขวางทางลมหรือพื้นที่ที่อาจมีน้ำท่วมขัง เพื่อให้การทำงานของคอมเพรสเซอร์มีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากนี้ ควรเลือกคอมเพรสเซอร์ที่มีการรับประกันความทนทานต่อสภาพอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย และเลือกคุณภาพวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ผลิตที่แข็งแรงเพื่อยืดอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น
9. เชื่อมท่อทองแดงและบานแฟร์
ขั้นตอนที่ 9 วิธีติดตั้งแอร์หลังจากติดตั้งเครื่องคอมเพรสเซอร์แอร์ ทางช่างจะทำการเชื่อมท่อทองแดงและบานแฟร์ ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นการช่วยให้ระบบปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากท่อทองแดงเป็นส่วนที่ใช้ในการส่งผ่านสารทำความเย็นระหว่างคอมเพรสเซอร์และตัวแอร์ในบ้าน การบานแฟร์ (Flare) เป็นการขยายปลายท่อทองแดงเพื่อให้เชื่อมต่อกับข้อต่อต่าง ๆ ได้แน่นหนาและป้องกันการรั่วซึม
10. เดินระบบไฟฟ้าสำหรับการติดตั้งแอร์
การเดินระบบไฟฟ้าเป็นขั้นตอนสำคัญโดยต้องตรวจสอบกำลังไฟของแอร์และเดินสายไฟให้เหมาะสมกับการใช้งาน ควรติดตั้งเบรกเกอร์แยกเฉพาะเพื่อความปลอดภัย ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร และสามารถตัดไฟเฉพาะส่วนของแอร์ได้ในกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ ควรใช้สายไฟที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน มอก.11-2553 และรองรับกระแสไฟที่เพียงพอ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการเกิดความร้อนสะสมหรือไฟฟ้าขัดข้องในระยะยาว
11. ติดตั้งท่อน้ำทิ้งเพื่อระบายน้ำ
การติดตั้งท่อน้ำทิ้งอีกหนึ่งขั้นตอนที่ขาดไม่ได้ในวิธีติดตั้งแอร์ เพื่อป้องกันน้ำหยดหรือน้ำขังที่อาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว ท่อน้ำทิ้งควรติดตั้งในตำแหน่งที่ลาดเอียงพอเหมาะเพื่อช่วยให้น้ำระบายออกได้อย่างสะดวก และควรวางให้ห่างจากพื้นที่ที่อาจเกิดการอุดตัน เช่น ใกล้ท่อระบายน้ำ หรือ สิ่งกีดขวางอื่น ๆ เป็นต้น
12. ทดสอบระบบแอร์และตรวจสอบความเรียบร้อย
ขั้นตอนสุดท้ายของวิธีติดตั้งแอร์ คือ การทดสอบการทำงานของระบบและตรวจสอบความเรียบร้อยทั้งหมด เริ่มจากการเปิดใช้งานแอร์เพื่อตรวจสอบว่าความเย็นทำงานได้ตามปกติ คอมเพรสเซอร์และพัดลมไม่มีเสียงผิดปกติ รวมถึงตรวจสอบการระบายน้ำทิ้งว่ามีการไหลอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ควรตรวจดูจุดเชื่อมต่อของท่อทองแดงและข้อต่อต่าง ๆ ว่ามีการรั่วซึมหรือไม่ การตรวจสอบทั้งหมดนี้ช่วยให้มั่นใจว่าแอร์พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและไม่มีปัญหาในระยะยาว
วิธีติดตั้งแอร์ สิ่งสำคัญที่คุณควรรู้ เพื่อให้แอร์เย็นฉ่ำและใช้งานได้ยาวนาน
ขั้นตอนวิธีติดตั้งแอร์ทั้งหมดนี้ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำความเย็น อายุการใช้งาน และค่าไฟฟ้าในระยะยาว ดังนั้น การติดตั้งให้เป็นไปตามมาตรฐานและถูกวิธีการ ควรดำเนินการติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญการด้านการติดตั้งแอร์โดยเฉพาะ เพราะช่างจะรู้ว่าอุปกรณ์ติดตั้งแอร์มีอะไรบ้าง วิธีการที่ถูกต้องเป็นอย่างไร และเพื่อให้การติดตั้งแอร์ที่ถูกต้องตามมาตรฐานและปลอดภัยต่อการใช้งานในระยะยาว
สนใจแอร์อินเวอร์เตอร์ LG สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.LG.com และพิเศษสุด ๆ ที่ตอนนี้ LG มอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก LG Member ที่ยกขบวนทั้งส่วนลดและบริการสุดพิเศษมาให้คุณ เพียงแค่สมัครสมาชิก LG Member
รับส่วนลด 10% ทุกการสั่งซื้อ (ยกเว้นการสั่งซื้อผ่านบริการ LG Subscribe)
Special Offer ผ่อน 0% สูงสุดถึง 18 เดือน *เฉพาะบัตรที่ร่วมรายการ
แอลจีบริการจัดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ พร้อม Exclusive Care+ สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ
สมัคร LG Member เพื่อรับสิทธิพิเศษ
ติดต่อ LG
โทรศัพท์ 02 057 5757
ทุกวัน 8:00-18:00 น.
อีเมล: supportlgeth@lge.com
*ทดสอบในพื้นที่ที่ขนาดไม่เกิน 100 ตารางเมตร
** ตรวจสอบเงื่อนไขส่วนลดและสิทธิพิเศษ LG Member ได้ที่ https://www.lg.com/th/membership/