ไขข้อสงสัย ควรล้างตู้เย็นบ่อยแค่ไหน? ไร้ปัญหากลิ่นเหม็นกวนใจ

ล้างตู้เย็น

ไขข้อสงสัย ควรล้างตู้เย็นบ่อยแค่ไหน? ไร้ปัญหากลิ่นเหม็นกวนใจ

2025-06-24

เมื่อเปิดตู้เย็นออกมาแล้วได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ ปัญหานี้สาเหตุหลักมาจากการลืมล้างตู้เย็นเป็นเวลานาน ส่งผลให้คราบอาหารและสิ่งสกปรกสะสมภายใน หากไม่มีการล้างตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ แบคทีเรียและเชื้อราก็จะเจริญเติบโต ทำให้ตู้เย็นกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หรือจะเป็นอาหารที่หมดอายุหรือเน่าเสียก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอบอวลตู้เย็นได้

 

ดังนั้น การทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงช่วยลดกลิ่นอับ แต่ยังช่วยให้ตู้เย็น ทำงานได้เต็มที่ การรู้วิธีทำความสะอาดตู้เย็นที่ถูกต้อง และเรียนรู้วิธีดูแลรักษาตู้เย็นอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ตู้เย็นสะอาด ปลอดภัย และใช้งานได้ยาวนาน อย่างไรก็ตาม ทาง LG จะมาแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ วิธีทําความสะอาดตู้เย็นด้านนอกและด้านในที่คุณสามารถทำตามได้เองที่บ้าน

 

 

หาคำตอบตู้เย็นควรล้างบ่อยแค่ไหน?

 

 

การทำความสะอาดตู้เย็นควรล้างตู้เย็นอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อเดือน เพื่อเป็นการกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียที่เรามองไม่เห็น แต่ถ้าจะดีที่สุดไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงสิ้นเดือนเสมอไป สามารถล้างได้ทันทีที่เมื่อพบว่าตู้เย็นเริ่มทำความเย็นได้ไม่ดีเหมือนแต่ก่อน น้ำดื่มที่เคยแช่ไว้เย็นช้ากว่าเดิม น้ำแข็งเกาะตัวหนา ได้กลิ่นเหม็นอับ มีอาหารเน่าเสีย หรือมีคราบอาหารติดตามอยู่ภายในตู้เย็น 

 

หากพบปัญหาดังกล่าว ควรทำความสะอาดและใช้วิธีทำความสะอาดตู้เย็นอย่างถูกต้อง เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก กลิ่นเหม็น พร้อมทั้งช่วยให้ตู้เย็นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอยังช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้เย็นให้ยาวนานขึ้นได้อีกด้วย

 

 

ก่อนล้างตู้เย็น ควรเตรียมอะไรบ้าง

 

ก่อนเริ่มล้างตู้เย็นทุกครั้งควรเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นจัดเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือเตรียมพื้นที่เก็บอาหารชั่วคราว เพื่อให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว 

 

 

  1. 1.เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม ควรทำความสะอาดตู้เย็นในช่วงที่ของในตู้มีน้อย เช่น ก่อนออกไปซื้อของรอบใหม่ เพื่อให้เคลียร์อาหารเก่าที่ค้างอยู่ภายในตู้เย็นออกง่ายขึ้นและลดปัญหาอาหารเสียระหว่างทำความสะอาด
  2. 2.เตรียมพื้นที่สำหรับเก็บอาหารชั่วคราว เมื่อต้องนำเอาอาหารออกจากตู้เย็น ควรมีที่เก็บอาหารชั่วคราว เช่น กระติกน้ำแข็ง หรือมุมใดมุมหนึ่งในครัวที่อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันอาหารเน่าเสีย
  3. 3.เตรียมอุปกรณ์สำหรับวิธีล้างตู้เย็น เช่น น้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา ฟองน้ำหรือผ้าสะอาด ถุงขยะ เป็นต้น
  4. 4.ปิดเครื่องและนำอาหารออก ก่อนทำความสะอาด ควรถอดปลั๊กตู้เย็นและเปิดประตูทิ้งไว้สักพักเพื่อระบายความเย็น จากนั้นค่อยนำอาหารออก พร้อมทั้งตรวจสอบวันหมดอายุ และเช็ดก้นขวดหรือภาชนะที่มีคราบเหนียว

 

 

การดูแลทำความสะอาดตู้เย็นอย่างถูกวิธี ไม่เป็นอันตราย

 

 

 

หลังจากที่ทราบกันไปแล้วว่าก่อนล้างตู้เย็นควรเตรียมตัวอย่างไร คราวนี้มาดูวิธีทำความสะอาดตู้เย็นแบบถูกต้องกันบ้าง เพื่อให้ตู้เย็นสะอาด ปราศจากเชื้อโรค กลิ่นไม่พึงประสงค์และปลอดภัย โดยทางเราขอแนะนำวิธีล้างตู้เย็นอย่างถูกด้วยกันทั้งหมด 8 วิธี ดังนี้

 

 

1. ดึงปลั๊กตู้เย็นออกทุกครั้ง

 

ขั้นตอนแรกของวิธีล้างตู้เย็นจะ 2 ประตูหรือประตูเดียวก็ตาม เริ่มต้นจากการถอดปลั๊กตู้เย็นออกทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ารั่ว นอกจากนี้ การถอดปลั๊กยังช่วยให้น้ำแข็งในช่องแช่แข็งละลายเร็วขึ้น โดยสามารถกดปุ่มละลายน้ำแข็ง เพื่อให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น

 

2. เคลียร์ของออกจากตู้เย็น

 

หลายคนมักชอบเก็บอาหารที่เหลือไว้ในตู้เย็น เพราะคิดว่าจะนำกลับมากินใหม่ครั้งต่อไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาหาร ผัก หรือผลไม้ที่ถูกแช่ทิ้งไว้นานก็เริ่มเน่าเสียและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในตู้เย็น ดังนั้น วิธีดูแลรักษาตู้เย็นที่ถูกต้อง ควรตรวจสอบและกำจัดอาหารที่หมดอายุหรือมีกลิ่นเหม็นทิ้งไปก่อนทำความสะอาดตู้เย็นเสมอ นอกจากนี้ อาหารที่ยังไม่หมดอายุก็ควรจัดเก็บแยกไว้ในที่อื่นชั่วคราวระหว่างทำความสะอาดตู้เย็น เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและไม่ทำให้อาหารเกิดการเน่าเสีย

 

3. แยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ของตู้เย็นเพื่อเริ่มต้นทำความสะอาด

 

หลังจากทำการดึงปลั๊กตู้เย็นและเคลียร์อาหารออกจากตู้เย็นจนโล่งแล้ว ขั้นตอนต่อมาให้ถอดแยกชิ้นส่วนของตู้เย็นออกมา โดยเฉพาะลิ้นชัก ถาด หรือชั้นวางของที่เปื้อนไปด้วยคราบสกปรก ซึ่งการถอดชิ้นส่วนจะช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายและสามารถเช็ดได้ทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุมกว่าการไม่ถอดแยกชิ้น เมื่อถอดแยกชิ้นออกมาแล้วให้ใช้ฟองน้ำและน้ำยาล้างจานทำความสะอาด หลังจากล้างเสร็จแล้ว ควรนำชิ้นส่วนต่าง ๆ ไปเช็ดหรือผึ่งให้แห้งสนิท ก่อนนำกลับมาประกอบเข้าตู้เย็นอีกครั้ง

 

4. ฟองน้ำไอเทมหลักช่วยล้างตู้เย็น

 

สำหรับการทำความสะอาดภายในตู้เย็น ควรใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานเพื่อเช็ดถูทั่วทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะบริเวณที่มีคราบสกปรกสะสมและมีความมันติดอยู่ หลังจากเช็ดด้วยน้ำยาล้างจานแล้ว ควรใช้ฟองน้ำอีกอันชุบน้ำเปล่าหมาด ๆ เช็ดซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้สะอาดหมดจด

 

ทั้งนี้ ในการทำความสะอาดตู้เย็น ห้ามใช้ผ้าที่เนื้อผ้าแข็งหรือแปรงขนแข็ง เนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนหรือทำลายพื้นผิวภายในตู้เย็นได้ ควรเลือกใช้ผ้านุ่มหรือฟองน้ำอ่อน ๆ เพื่อป้องกันความเสียหายและรักษาคุณภาพของตู้เย็นให้ใช้งานได้ยาวนาน

 

5. อย่าลืมกำจัดเชื้อราขอบตู้เย็น

 

ขอบตู้เย็นเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่มักจะมีเชื้อราซ่อนอยู่ เนื่องจากเป็นบริเวณที่สัมผัสกับความชื้นบ่อยครั้ง ทั้งจากไอน้ำและการเปิด-ปิดตู้เย็น โดยวิธีทำความสะอาดตู้เย็นบริเวณขอบตู้สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ด้วยการผสมน้ำเปล่ากับเบกกิ้งโซดาจนได้เนื้อข้น จากนั้นใช้ผ้าชุบส่วนผสมเช็ดให้ทั่วขอบตู้เย็นอย่างระมัดระวัง วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ขอบตู้เย็นสะอาดเหมือนใหม่ แต่ยังช่วยลดปัญหาเชื้อราและกลิ่นอับ

 

6. เช็ดทำความสะอาดตู้เย็นภายนอกให้เงา

 

สำหรับวิธีทําความสะอาดตู้เย็นด้านนอก ให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1 จากนั้นใช้ผ้าแห้งชุบกับส่วนผสมแล้วนำเอาไปเช็ดถูทั่วภายนอกตู้เย็น โดยเฉพาะบริเวณที่มีคราบสกปรกหรือรอยนิ้วมือ วิธีนี้จะช่วยทำให้ตู้เย็นเงางามเหมือนใหม่ และยังช่วยกำจัดคราบมันที่อาจสะสมอยู่บนผิวตู้เย็นได้อย่างง่ายดาย

 

7. เก็บของเข้าตู้เย็นและจัดระเบียบใหม่

 

เมื่อทำความสะอาดตู้เย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปนำเอาชิ้นส่วนต่าง ๆ ของตู้เย็นกลับมาประกอบตามตำแหน่งเดิมอย่างระมัดระวัง หลังจากเก็บของกลับเข้าไปในตู้เย็น โดยควรจัดระเบียบตู้เย็น และแยกประเภทของอาหารให้ชัดเจน เช่น ผักและผลไม้ไว้ในช่องที่แยกจากเนื้อสัตว์ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน และจัดของที่ใช้บ่อยให้สามารถหยิบใช้ง่าย นอกจากนี้ การจัดระเบียบยังช่วยให้การเก็บรักษาอาหารได้ดีขึ้นและช่วยให้ตู้เย็นดูสะอาดตลอดเวลาอีกด้วยนั่นเอง

 

8. ตรวจสอบการทำงานของตู้เย็นหลังการล้าง

 

หลังจากล้างตู้เย็นเสร็จสิ้น ควรตรวจสอบการทำงานของตู้เย็นโดยทันที เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างยังคงทำงานได้อย่างถูกต้อง โดยเริ่มจากการเปิดตู้เย็นและช่องแช่แข็ง แล้วเช็กว่าอุณหภูมิภายในอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ ตู้เย็นควรทำความเย็นภายในได้อย่างรวดเร็ว หากยังคงมีอุณหภูมิสูงหรือตู้เย็นทำงานไม่เย็นเหมือนเดิมอาจเกิดจากการทำความสะอาดที่ไม่สมบูรณ์ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทำความเย็น

 

9. ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม

 

การตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมในตู้เย็นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของอาหารและรักษาคุณภาพของสิ่งต่าง ๆ ภายในตู้เย็น โดยทั่วไปแล้ว ควรตั้งอุณหภูมิของตู้เย็นที่ประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส และช่องแช่แข็งควรอยู่ที่ -18 องศาเซลเซียส เพื่อให้การเก็บรักษาผัก ผลไม้ และอาหารเหมาะสมตามหลักสุขอนามัยที่ดี

 

และสาระดี ๆ น่ารู้! สำหรับวิธีเก็บผักในตู้เย็น สิ่งสำคัญคือการเก็บผักในลิ้นชักหรือช่องที่มีอุณหภูมิและความชื้นอย่างเหมาะสม การตั้งอุณหภูมิที่มีเย็นกำลังพอดีและไม่ให้มีความเย็นจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผักเสียเร็วขึ้นและสูญเสียคุณค่าทางอาหาร

 

10. ตรวจสอบการปิดประตูตู้เย็น

 

ควรตรวจสอบประตูตู้เย็นให้แน่ใจว่าปิดสนิท เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในตู้เย็นให้คงที่ หากประตูตู้เย็นปิดไม่สนิทจะทำให้การทำความเย็นลดลง ทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น และส่งผลให้อาหารอาจเสียเร็วกว่าปกติ

 

สำหรับวิธีแก้ไขเมื่อประตูปิดไม่สนิทต้องทำยังไง? แนะนำให้เริ่มจากการตรวจสอบดูว่ามีภาชนะหรืออาหารใด ๆ วางขวางทางปิดประตูหรือไม่ และรวมไปถึงตรวจเช็กขอบยางซีลว่ายางซีลแตกหรือเสื่อมสภาพหรือไม่ หากพบควรเปลี่ยนใหม่ทันที

 

 

ข้อควรระวังในการล้างตู้เย็น

 

การล้างตู้เย็นในแต่ละขั้นตอนต้องระมัดระวังอย่างมาก เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และป้องกันไม่ให้ตู้เย็นเกิดการเสียหาย โดยข้อควรระวังในการทำความสะอาดตู้เย็น ดังนี้

 

 

  • ถอดปลั๊กก่อนทำความสะอาดทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าช็อตขณะทำความสะอาด

  • หลีกเลี่ยงการฉีดน้ำยาบนช่องระบายอากาศ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบของตู้เย็น

  • ห้ามใช้สารเคมีรุนแรงหรือผงซักฟอก เพราะอาจทำให้พลาสติกแตกหรือเกิดรอยขีดข่วน

 

 

ล้างตู้เย็น ควรทำเป็นประจำ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและลดกลิ่นเหม็น

 

หวังว่าสาระดี ๆ เกี่ยวกับการล้างตู้เย็นในบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำความสะอาดตู้เย็นว่า วิธีล้างตู้เย็นมีขั้นตอนอย่างไรและวิธีที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกและปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์

 

แต่หากทำความสะอาดด้วยตัวเองแล้วยังมีปัญหาอยู่ ขอแนะนำ LG Bright Care บริการล้างทำความสะอาดตู้เย็นที่จะเข้ามาช่วยทำความสะอาดได้อย่างละเอียด ปลอดภัย ด้วยทีมช่างจากแอลจี ผู้ชำนาญทางการดูแลปกป้องตู้เย็น พร้อมรับประกันหลังการบริการนาน 90 วัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lg.com/th/support/additional-support/cleaning-service/refrigerator/.

 

และถ้าคุณกำลังมองหาตู้เย็นที่สามารถตอบโจทย์ในการใช้งานและมีฟังก์ชันแบบครบครัน ขอแนะนำตู้เย็น LG ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด มีระบบ Multi-Air Flow กระจายความเย็นอย่างสม่ำเสมอทั่วทุกชั้น เสริมด้วยเทคโนโลยี LinearCooling™ ลดการผันผวนของอุณหภูมิ รักษาความสดของอาหารได้นาน พร้อมระบบ Smart Inverter Compressor ที่ประหยัดไฟและทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน

 

เพื่อการตัดสินใจซื้อสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.LG.com และพิเศษสุด ๆ คุ้มยิ่งกว่ากับสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก LG Member ที่ยกขบวนทั้งส่วนลดและบริการสุดพิเศษมาให้คุณ เพียงแค่สมัครสมาชิก LG Member

 

  • รับส่วนลด 10% ทุกการสั่งซื้อ (ยกเว้นการสั่งซื้อผ่านบริการ LG Subscribe)

  • Special Offer ผ่อน 0% สูงสุดถึง 18 เดือน *เฉพาะบัตรที่ร่วมรายการ

  • แอลจีบริการจัดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ พร้อม Exclusive Care+ สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ

 

 

สมัคร LG Member เพื่อรับสิทธิพิเศษ

 

ติดต่อ LG
โทรศัพท์: 02 057 5757  

ทุกวัน 8:00 - 18:00 น.

Line: @lgthailand

อีเมล: supportlgeth@lge.com