We use cookies, including cookies from third parties, to enhance your user experience and the effectiveness of our marketing activities. These cookies are performance, analytics and advertising cookies, please see our Privacy and Cookie policy for further information. If you agree to all of our cookies select “Accept all” or select “Cookie Settings” to see which cookies we use and choose which ones you would like to accept.
ไขข้อสงสัย ควรล้างตู้เย็นบ่อยแค่ไหน? ไร้ปัญหากลิ่นเหม็นกวนใจ
เมื่อเปิดตู้เย็นออกมาแล้วได้กลิ่นไม่พึงประสงค์ ปัญหานี้สาเหตุหลักมาจากการลืมล้างตู้เย็นเป็นเวลานาน ส่งผลให้คราบอาหารและสิ่งสกปรกสะสมภายใน หากไม่มีการล้างตู้เย็นอย่างสม่ำเสมอ แบคทีเรียและเชื้อราก็จะเจริญเติบโต ทำให้ตู้เย็นกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หรือจะเป็นอาหารที่หมดอายุหรือเน่าเสียก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นอบอวลตู้เย็นได้
ดังนั้น การทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงช่วยลดกลิ่นอับ แต่ยังช่วยให้ตู้เย็น ทำงานได้เต็มที่ การรู้วิธีทำความสะอาดตู้เย็นที่ถูกต้อง และเรียนรู้วิธีดูแลรักษาตู้เย็นอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ตู้เย็นสะอาด ปลอดภัย และใช้งานได้ยาวนาน อย่างไรก็ตาม ทาง LG จะมาแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ วิธีทําความสะอาดตู้เย็นด้านนอกและด้านในที่คุณสามารถทำตามได้เองที่บ้าน
หาคำตอบตู้เย็นควรล้างบ่อยแค่ไหน?
การทำความสะอาดตู้เย็นควรล้างตู้เย็นอย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อเดือน เพื่อเป็นการกำจัดเชื้อโรคและแบคทีเรียที่เรามองไม่เห็น แต่ถ้าจะดีที่สุดไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงสิ้นเดือนเสมอไป สามารถล้างได้ทันทีที่เมื่อพบว่าตู้เย็นเริ่มทำความเย็นได้ไม่ดีเหมือนแต่ก่อน น้ำดื่มที่เคยแช่ไว้เย็นช้ากว่าเดิม น้ำแข็งเกาะตัวหนา ได้กลิ่นเหม็นอับ มีอาหารเน่าเสีย หรือมีคราบอาหารติดตามอยู่ภายในตู้เย็น
หากพบปัญหาดังกล่าว ควรทำความสะอาดและใช้วิธีทำความสะอาดตู้เย็นอย่างถูกต้อง เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก กลิ่นเหม็น พร้อมทั้งช่วยให้ตู้เย็นทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอยังช่วยยืดอายุการใช้งานของตู้เย็นให้ยาวนานขึ้นได้อีกด้วย
ก่อนล้างตู้เย็น ควรเตรียมอะไรบ้าง
ก่อนเริ่มล้างตู้เย็นทุกครั้งควรเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นจัดเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือเตรียมพื้นที่เก็บอาหารชั่วคราว เพื่อให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
- 1.เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม ควรทำความสะอาดตู้เย็นในช่วงที่ของในตู้มีน้อย เช่น ก่อนออกไปซื้อของรอบใหม่ เพื่อให้เคลียร์อาหารเก่าที่ค้างอยู่ภายในตู้เย็นออกง่ายขึ้นและลดปัญหาอาหารเสียระหว่างทำความสะอาด
- 2.เตรียมพื้นที่สำหรับเก็บอาหารชั่วคราว เมื่อต้องนำเอาอาหารออกจากตู้เย็น ควรมีที่เก็บอาหารชั่วคราว เช่น กระติกน้ำแข็ง หรือมุมใดมุมหนึ่งในครัวที่อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันอาหารเน่าเสีย
- 3.เตรียมอุปกรณ์สำหรับวิธีล้างตู้เย็น เช่น น้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา ฟองน้ำหรือผ้าสะอาด ถุงขยะ เป็นต้น
- 4.ปิดเครื่องและนำอาหารออก ก่อนทำความสะอาด ควรถอดปลั๊กตู้เย็นและเปิดประตูทิ้งไว้สักพักเพื่อระบายความเย็น จากนั้นค่อยนำอาหารออก พร้อมทั้งตรวจสอบวันหมดอายุ และเช็ดก้นขวดหรือภาชนะที่มีคราบเหนียว
การดูแลทำความสะอาดตู้เย็นอย่างถูกวิธี ไม่เป็นอันตราย
หลังจากที่ทราบกันไปแล้วว่าก่อนล้างตู้เย็นควรเตรียมตัวอย่างไร คราวนี้มาดูวิธีทำความสะอาดตู้เย็นแบบถูกต้องกันบ้าง เพื่อให้ตู้เย็นสะอาด ปราศจากเชื้อโรค กลิ่นไม่พึงประสงค์และปลอดภัย โดยทางเราขอแนะนำวิธีล้างตู้เย็นอย่างถูกด้วยกันทั้งหมด 8 วิธี ดังนี้
1. ดึงปลั๊กตู้เย็นออกทุกครั้ง
ขั้นตอนแรกของวิธีล้างตู้เย็นจะ 2 ประตูหรือประตูเดียวก็ตาม เริ่มต้นจากการถอดปลั๊กตู้เย็นออกทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยและป้องกันอันตรายจากไฟฟ้ารั่ว นอกจากนี้ การถอดปลั๊กยังช่วยให้น้ำแข็งในช่องแช่แข็งละลายเร็วขึ้น โดยสามารถกดปุ่มละลายน้ำแข็ง เพื่อให้การทำความสะอาดเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น
2. เคลียร์ของออกจากตู้เย็น
หลายคนมักชอบเก็บอาหารที่เหลือไว้ในตู้เย็น เพราะคิดว่าจะนำกลับมากินใหม่ครั้งต่อไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาหาร ผัก หรือผลไม้ที่ถูกแช่ทิ้งไว้นานก็เริ่มเน่าเสียและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ภายในตู้เย็น ดังนั้น วิธีดูแลรักษาตู้เย็นที่ถูกต้อง ควรตรวจสอบและกำจัดอาหารที่หมดอายุหรือมีกลิ่นเหม็นทิ้งไปก่อนทำความสะอาดตู้เย็นเสมอ นอกจากนี้ อาหารที่ยังไม่หมดอายุก็ควรจัดเก็บแยกไว้ในที่อื่นชั่วคราวระหว่างทำความสะอาดตู้เย็น เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและไม่ทำให้อาหารเกิดการเน่าเสีย
3. แยกชิ้นส่วนต่าง ๆ ของตู้เย็นเพื่อเริ่มต้นทำความสะอาด
หลังจากทำการดึงปลั๊กตู้เย็นและเคลียร์อาหารออกจากตู้เย็นจนโล่งแล้ว ขั้นตอนต่อมาให้ถอดแยกชิ้นส่วนของตู้เย็นออกมา โดยเฉพาะลิ้นชัก ถาด หรือชั้นวางของที่เปื้อนไปด้วยคราบสกปรก ซึ่งการถอดชิ้นส่วนจะช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายและสามารถเช็ดได้ทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุมกว่าการไม่ถอดแยกชิ้น เมื่อถอดแยกชิ้นออกมาแล้วให้ใช้ฟองน้ำและน้ำยาล้างจานทำความสะอาด หลังจากล้างเสร็จแล้ว ควรนำชิ้นส่วนต่าง ๆ ไปเช็ดหรือผึ่งให้แห้งสนิท ก่อนนำกลับมาประกอบเข้าตู้เย็นอีกครั้ง
4. ฟองน้ำไอเทมหลักช่วยล้างตู้เย็น
สำหรับการทำความสะอาดภายในตู้เย็น ควรใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาล้างจานเพื่อเช็ดถูทั่วทุกซอกทุกมุม โดยเฉพาะบริเวณที่มีคราบสกปรกสะสมและมีความมันติดอยู่ หลังจากเช็ดด้วยน้ำยาล้างจานแล้ว ควรใช้ฟองน้ำอีกอันชุบน้ำเปล่าหมาด ๆ เช็ดซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้สะอาดหมดจด
ทั้งนี้ ในการทำความสะอาดตู้เย็น ห้ามใช้ผ้าที่เนื้อผ้าแข็งหรือแปรงขนแข็ง เนื่องจากอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนหรือทำลายพื้นผิวภายในตู้เย็นได้ ควรเลือกใช้ผ้านุ่มหรือฟองน้ำอ่อน ๆ เพื่อป้องกันความเสียหายและรักษาคุณภาพของตู้เย็นให้ใช้งานได้ยาวนาน
5. อย่าลืมกำจัดเชื้อราขอบตู้เย็น
ขอบตู้เย็นเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่มักจะมีเชื้อราซ่อนอยู่ เนื่องจากเป็นบริเวณที่สัมผัสกับความชื้นบ่อยครั้ง ทั้งจากไอน้ำและการเปิด-ปิดตู้เย็น โดยวิธีทำความสะอาดตู้เย็นบริเวณขอบตู้สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ด้วยการผสมน้ำเปล่ากับเบกกิ้งโซดาจนได้เนื้อข้น จากนั้นใช้ผ้าชุบส่วนผสมเช็ดให้ทั่วขอบตู้เย็นอย่างระมัดระวัง วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ขอบตู้เย็นสะอาดเหมือนใหม่ แต่ยังช่วยลดปัญหาเชื้อราและกลิ่นอับ
6. เช็ดทำความสะอาดตู้เย็นภายนอกให้เงา
สำหรับวิธีทําความสะอาดตู้เย็นด้านนอก ให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1:1 จากนั้นใช้ผ้าแห้งชุบกับส่วนผสมแล้วนำเอาไปเช็ดถูทั่วภายนอกตู้เย็น โดยเฉพาะบริเวณที่มีคราบสกปรกหรือรอยนิ้วมือ วิธีนี้จะช่วยทำให้ตู้เย็นเงางามเหมือนใหม่ และยังช่วยกำจัดคราบมันที่อาจสะสมอยู่บนผิวตู้เย็นได้อย่างง่ายดาย
7. เก็บของเข้าตู้เย็นและจัดระเบียบใหม่
เมื่อทำความสะอาดตู้เย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปนำเอาชิ้นส่วนต่าง ๆ ของตู้เย็นกลับมาประกอบตามตำแหน่งเดิมอย่างระมัดระวัง หลังจากเก็บของกลับเข้าไปในตู้เย็น โดยควรจัดระเบียบตู้เย็น และแยกประเภทของอาหารให้ชัดเจน เช่น ผักและผลไม้ไว้ในช่องที่แยกจากเนื้อสัตว์ เพื่อป้องกันการปนเปื้อน และจัดของที่ใช้บ่อยให้สามารถหยิบใช้ง่าย นอกจากนี้ การจัดระเบียบยังช่วยให้การเก็บรักษาอาหารได้ดีขึ้นและช่วยให้ตู้เย็นดูสะอาดตลอดเวลาอีกด้วยนั่นเอง
8. ตรวจสอบการทำงานของตู้เย็นหลังการล้าง
หลังจากล้างตู้เย็นเสร็จสิ้น ควรตรวจสอบการทำงานของตู้เย็นโดยทันที เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างยังคงทำงานได้อย่างถูกต้อง โดยเริ่มจากการเปิดตู้เย็นและช่องแช่แข็ง แล้วเช็กว่าอุณหภูมิภายในอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่ ตู้เย็นควรทำความเย็นภายในได้อย่างรวดเร็ว หากยังคงมีอุณหภูมิสูงหรือตู้เย็นทำงานไม่เย็นเหมือนเดิมอาจเกิดจากการทำความสะอาดที่ไม่สมบูรณ์ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทำความเย็น
9. ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม
การตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสมในตู้เย็นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของอาหารและรักษาคุณภาพของสิ่งต่าง ๆ ภายในตู้เย็น โดยทั่วไปแล้ว ควรตั้งอุณหภูมิของตู้เย็นที่ประมาณ 3-5 องศาเซลเซียส และช่องแช่แข็งควรอยู่ที่ -18 องศาเซลเซียส เพื่อให้การเก็บรักษาผัก ผลไม้ และอาหารเหมาะสมตามหลักสุขอนามัยที่ดี
และสาระดี ๆ น่ารู้! สำหรับวิธีเก็บผักในตู้เย็น สิ่งสำคัญคือการเก็บผักในลิ้นชักหรือช่องที่มีอุณหภูมิและความชื้นอย่างเหมาะสม การตั้งอุณหภูมิที่มีเย็นกำลังพอดีและไม่ให้มีความเย็นจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผักเสียเร็วขึ้นและสูญเสียคุณค่าทางอาหาร
10. ตรวจสอบการปิดประตูตู้เย็น
ควรตรวจสอบประตูตู้เย็นให้แน่ใจว่าปิดสนิท เพื่อรักษาอุณหภูมิภายในตู้เย็นให้คงที่ หากประตูตู้เย็นปิดไม่สนิทจะทำให้การทำความเย็นลดลง ทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น และส่งผลให้อาหารอาจเสียเร็วกว่าปกติ
สำหรับวิธีแก้ไขเมื่อประตูปิดไม่สนิทต้องทำยังไง? แนะนำให้เริ่มจากการตรวจสอบดูว่ามีภาชนะหรืออาหารใด ๆ วางขวางทางปิดประตูหรือไม่ และรวมไปถึงตรวจเช็กขอบยางซีลว่ายางซีลแตกหรือเสื่อมสภาพหรือไม่ หากพบควรเปลี่ยนใหม่ทันที
ข้อควรระวังในการล้างตู้เย็น
การล้างตู้เย็นในแต่ละขั้นตอนต้องระมัดระวังอย่างมาก เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น และป้องกันไม่ให้ตู้เย็นเกิดการเสียหาย โดยข้อควรระวังในการทำความสะอาดตู้เย็น ดังนี้
ถอดปลั๊กก่อนทำความสะอาดทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าช็อตขณะทำความสะอาด
หลีกเลี่ยงการฉีดน้ำยาบนช่องระบายอากาศ อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบของตู้เย็น
ห้ามใช้สารเคมีรุนแรงหรือผงซักฟอก เพราะอาจทำให้พลาสติกแตกหรือเกิดรอยขีดข่วน
ล้างตู้เย็น ควรทำเป็นประจำ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและลดกลิ่นเหม็น
หวังว่าสาระดี ๆ เกี่ยวกับการล้างตู้เย็นในบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำความสะอาดตู้เย็นว่า วิธีล้างตู้เย็นมีขั้นตอนอย่างไรและวิธีที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกและปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์
แต่หากทำความสะอาดด้วยตัวเองแล้วยังมีปัญหาอยู่ ขอแนะนำ LG Bright Care บริการล้างทำความสะอาดตู้เย็นที่จะเข้ามาช่วยทำความสะอาดได้อย่างละเอียด ปลอดภัย ด้วยทีมช่างจากแอลจี ผู้ชำนาญทางการดูแลปกป้องตู้เย็น พร้อมรับประกันหลังการบริการนาน 90 วัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lg.com/th/support/additional-support/cleaning-service/refrigerator/.
และถ้าคุณกำลังมองหาตู้เย็นที่สามารถตอบโจทย์ในการใช้งานและมีฟังก์ชันแบบครบครัน ขอแนะนำตู้เย็น LG ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด มีระบบ Multi-Air Flow กระจายความเย็นอย่างสม่ำเสมอทั่วทุกชั้น เสริมด้วยเทคโนโลยี LinearCooling™ ลดการผันผวนของอุณหภูมิ รักษาความสดของอาหารได้นาน พร้อมระบบ Smart Inverter Compressor ที่ประหยัดไฟและทนทาน ใช้งานได้ยาวนาน
เพื่อการตัดสินใจซื้อสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.LG.com และพิเศษสุด ๆ คุ้มยิ่งกว่ากับสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก LG Member ที่ยกขบวนทั้งส่วนลดและบริการสุดพิเศษมาให้คุณ เพียงแค่สมัครสมาชิก LG Member
รับส่วนลด 10% ทุกการสั่งซื้อ (ยกเว้นการสั่งซื้อผ่านบริการ LG Subscribe)
Special Offer ผ่อน 0% สูงสุดถึง 18 เดือน *เฉพาะบัตรที่ร่วมรายการ
แอลจีบริการจัดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ พร้อม Exclusive Care+ สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ
สมัคร LG Member เพื่อรับสิทธิพิเศษ
ติดต่อ LG
โทรศัพท์: 02 057 5757
ทุกวัน 8:00 - 18:00 น.
Line: @lgthailand
อีเมล: supportlgeth@lge.com