รวมเคล็ดลับป้องกัน กำจัดเชื้อรา ให้หายเกลี้ยง ไม่กลับมาขึ้นซ้ำ

กำจัดเชื้อรา

รวมเคล็ดลับป้องกัน กำจัดเชื้อรา ให้หายเกลี้ยง ไม่กลับมาขึ้นซ้ำ

2025-07-21

เชื้อรา เป็นปัญหาที่เมื่อพบภายในบ้านแล้วควรรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด เพราะเชื้อราเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ถ้าปล่อยไว้ก็จะมีโอกาสทำให้เครื่องใช้ภายในบ้านเสียหายจนต้องเสียเวลาซ่อมแซม ดังนั้นถ้าเห็นคราบเชื้อราบนผนัง ฝ้า กำแพงในพื้นที่ต่าง ๆ ภายในบ้าน ควรรีบกำจัดเชื้อราให้เร็วที่สุด 

 

แต่ถ้าไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นกำจัดเชื้อราอย่างไรดี ในบทความนี้มีวิธีกำจัดเชื้อราบนกำแพงปูนและบริเวณต่าง ๆ ภายในบ้านให้หายไป พร้อมกับวิธีป้องกันไม่ให้เชื้อรากลับมาทำอันตรายบ้านหรือห้องที่คุณรักอีกต่อไป

 

 

สาเหตุที่ทำให้ในบ้านมีเชื้อราเกิดขึ้น

 

เชื้อราที่ปรากฏตามผนัง กำแพง เพดาน หรือเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านมักเกิดจากความชื้นสะสม โดยทั่วไปแล้วความชื้นเป็นสิ่งที่มักจะสังเกตด้วยตายาก กว่าจะรู้ก็เห็นคราบเชื้อราขึ้นรอให้กำจัดแล้ว ถ้าไม่อยากใช้เวลากับการกำจัดเชื้อรา มาดูกันว่ามีสิ่งใดบ้างที่เป็นตัวการทำให้ภายในบ้านเกิดความชื้น ดังนี้

 

 

  • จุดรั่วซึม : มักพบจุดรั่วซึมจะมีฝ้า เพดาน รอยต่อท่อน้ำ ร่องรอยแตกตามผนังและกำแพง
  • น้ำฝน : บริเวณที่สัมผัสกับน้ำฝน เช่น ขอบหน้าต่าง ประตู หรือหลังคามักเกิดความชื้นสะสมสูง

  • การใช้ชีวิต : การทำอาหาร ล้างจาน ถูบ้าน อาบน้ำ ตากผ้า แบบไม่มีช่องระบายอากาศ ไม่มีแสงเข้าถึง ทำให้เกิดความชื้นสูง

 

 

10 วิธี กำจัดเชื้อรา บอกลาสิ่งที่ทำลายสุขภาพของสมาชิกในบ้าน

 

เชื้อราเป็นสิ่งที่ไม่ควรติดอยู่บนผนัง กำแพง หรือสิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้าน เพราะเชื้อราจะทำให้บ้านดูสกปรก ไม่น่าอยู่ และถ้าเผลอสูดรับเชื้อราเข้าสู่ร่างกายบ่อย ๆ ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพระยะยาว ในที่นี้จะมาแนะนำวิธีแก้เชื้อราในห้องนอน และห้องอื่น ๆ ในบ้านที่สามารถทำได้ง่าย ๆ แต่เห็นผลจริง ดังนี้

 

 

1. น้ำส้มสายชู

 

 

น้ำส้มสายชูเป็นสิ่งของสารพัดประโยชน์ที่สามารถนำมากำจัดเชื้อราได้อย่างปลอดภัย และช่วยลดโอกาสเกิดเชื้อราในอนาคตได้ โดยนำน้ำส้มสายชูมาเทใส่ในขวดเพื่อฉีดกำจัดเชื้อราตามพื้นผิว แล้วปล่อยทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงเพื่อให้กรดทำปฏิกิริยากับเชื้อรา แล้วค่อยใช้แปรงขัดและนำผ้าเช็ดคราบออกไป

 

สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องกลิ่นฉุน สามารถเปิดประตู หน้าต่าง เพื่อช่วยระบายกลิ่นน้ำส้มสายชูให้จางลงไวขึ้นได้อ

 

2. แอลกอฮอล์

 

 

แอลกอฮอล์ที่มีระดับความเข้มข้น 70-90% จะช่วยกำจัดเชื้อราที่ฝังตัวตามสิ่งของต่าง ๆ ได้ เช่น โต๊ะ พรม หน้าต่าง พื้นผิวแอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ โดยใช้แปรงขัดคราบดำก่อน แล้วนำผ้าชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดถูคราบเชื้อราออก แต่แอลกอฮอล์สามารถกำจัดได้แค่เชื้อราที่ฝังตัวบนพื้นผิวตื้น ๆ เท่านั้น ไม่สามารถกำจัดคราบเชื้อราที่ฝังตัวลึกได้

 

3. ผงซักฟอก

 

 

วิธีกำจัดราดำบนผนังที่สามารถทำได้ทันที คือ การนำหัวแปรงหรือผ้ามาชุบน้ำที่ผสมด้วยผงซักฟอก มาขัดถูบริเวณที่มีเชื้อราติดอยู่ ก่อนใช้น้ำสะอาดล้างคราบออกอีกครั้งเพื่อกำจัดเชื้อราออกไป ทำให้กำแพงหรือผนังดูสะอาดตามากขึ้นได้ แต่ต้องมั่นใจว่าล้างผงซักฟอกออกจนหมด ไม่มีคราบผงซักฟอกหลงเหลือ และไม่ปล่อยให้เกิดความชื้นสะสม เพื่อไม่ให้ผงซักฟอกเป็นตัวกระตุ้นทำให้เชื้อราเติบโตได้ดีกว่าเดิม

 

4. เบกกิ้งโซดา

 

 

การใช้เบกกิ้งโซดาเป็นวิธีกำจัดเชื้อราในห้องน้ำระดับเบื้องต้นได้โดยที่ไม่ทำลายพื้นผิว ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธี คือนำเบกกิ้งโซดาแบบผสมน้ำมาขัดทำความสะอาดกระเบื้อง และพื้นผนังให้คราบราหลุดออกก่อนล้างน้ำออก แล้วใช้ผ้าเช็ดให้แห้งสนิท หรือใช้ผงเบกกิ้งโซดาโรยบนบริเวณที่ต้องการกำจัดเชื้อรา แล้วค่อย ๆ ขัดเบา ๆ ให้ราหลุดออกก่อน จากนั้นจึงนำผ้าชุบน้ำหมาดมาเช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง

 

5. น้ำมันทีทรี

 

 

น้ำมันทีทรีเป็นสารที่ขึ้นชื่อเรื่องการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และยังสามารถนำมาใช้กำจัดเชื้อราที่เพิ่งเกิดได้ดีมาก โดยในการใช้งานจะต้องนำน้ำมันทีทรี 1 ช้อนชา มาผสมกับน้ำ 1 ถ้วย ก่อนนำไปฉีดตามบริเวณที่มีราอยู่ ทิ้งไว้ 15 นาทีก่อนเช็ดคราบออก นอกจากนี้แล้วน้ำมันทีทรีสามารถทำความสะอาดวอลเปเปอร์ขึ้นรา ได้ด้วย แต่ตอนทำความสะอาดให้ใช้ผ้าซับ ไม่ขัดถู เพราะอาจทำให้วอลเปเปอร์ถลอกได้

 

6. น้ำมันยูคาลิปตัส

 

 

น้ำมันยูคาลิปตัสเป็นสิ่งที่ช่วยกำจัดเชื้อราได้ดี และยังช่วยแก้ปัญหาห้องเหม็นอับ ได้อีกด้วย โดยการนำน้ำมันยูคาลิปตัส 1 ผสมน้ำสะอาด 1 ถ้วย จากนั้นให้ใช้ผ้าชุบก่อนนำมาเช็ดทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวกระเบื้อง ผนังที่เป็นเชื้อรา หรือจะใช้ทำความสะอาดวอลเปเปอร์ก็ได้เหมือนกัน

 

7. น้ำยาฟอกผ้าขาว

 

 

น้ำยาฟอกผ้าขาวอีกหนึ่งวิธีกำจัดเชื้อราบนกำแพงปูนแข็งได้อย่างอยู่หมัด มีคุณสมบัติกำจัดเชื้อราได้อย่างล้ำลึก โดยวิธีนี้จะต้องนำน้ำยาฟอกผ้าขาวมาผสมกับน้ำในอัตราส่วนที่ต้องการ แล้วขัดเชื้อราให้สะอาดก่อนใช้น้ำสะอาดล้างออกอีกครั้ง แต่เนื่องจากน้ำยาฟอกผ้าขาวมีกลิ่นแรง และอาจทำให้ระคายเคืองผิวได้ จึงควรใส่ถุงมือและหน้ากากอนามัยก่อนทำ

 

อัตราส่วนแนะนำ (น้ำยาฟอกผ้าขาว:น้ำสะอาด) : 1:1 สำหรับทำความสะอาดกระเบื้องและผนังห้องน้ำ, 1:3 สำหรับทำความสะอาดยาแนว ซิลิโคน, 1:10 สำหรับกำจัดราบนเฟอร์นิเจอร์

 

8. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์

 

 

ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ เป็นสารชนิดหนึ่งที่มักถูกนำไปใช้ทางการแพทย์ เพราะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และกำจัดเชื้อราได้ โดยนำไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่มีความเข้มข้น 3% มาใส่ขวดสเปรย์แล้วนำมาฉีดตามแนวกระเบื้อง ผนัง อ่างล้างจาน กระจก และอื่น ๆ ประมาณ 10-15 นาที จากนั้นใช้ผ้าแห้งเช็ดคราบออกให้หมด และรอให้บริเวณที่ทำความสะอาดแห้งสนิท

 

กำจัดเชื้อราตัวร้ายแล้ว อย่าลืมหาตัวช่วยเปลี่ยนอากาศภายในบ้านให้บริสุทธิ์ด้วยเครื่องฟอกอากาศ พร้อมสูดรับลมสะอาด ลดโอกาสเกิดภูมิแพ้

 

9. แอมโมเนีย

 

 

วิธีกำจัดเชื้อราภายในบ้านอีกวิธีหนึ่งที่แนะนำ คือ การใช้แอมโมเนียทำความสะอาดเชื้อราและคราบต่าง ๆ ในบ้าน โดยจะต้องผสมแอมโมเนียกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 จากนั้นให้ฉีดลงบนบริเวณที่มีเชื้อราอยู่ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีก่อนเช็ดเอาคราบสกปรกออกด้วยน้ำสะอาด

 

ทั้งนี้ห้ามนำแอมโมเนียมาใช้ร่วมกับน้ำยาฟอกผ้าขาวเด็ดขาด เพราะจะก่อให้เกิดก๊าซที่เป็นอันตรายต่อระบบหายใจ

 

10. น้ำยาฆ่าเชื้อรา

 

 

ถ้าต้องการใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดเชื้อราที่เห็นผลแน่นอน สามารถใช้เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อราที่แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด แม้เป็นคราบเชื้อราที่ฝังตัวลึก ก็สามารถกำจัดให้หายไปโดยที่ไม่ทำลายพื้นผิว แม้เป็นเชื้อราผนังปูนที่กำจัดยาก และยังมีวิธีใช้งานง่ายเพียงฉีดน้ำยาบริเวณที่มีคราบเชื้อรา แล้วรอให้น้ำยาเริ่มแห้ง ก่อนนำผ้ามาเช็ดบริเวณที่มีเชื้อราออกไป และทาสีทับเพื่อปรับพื้นผิวให้เรียบเนียน สวยงาม

 

 

ป้องกันเชื้อราไม่ให้ขึ้นซ้ำได้อย่างไร

 

ถึงแม้ว่าจะกำจัดเชื้อราตามพื้นผิวผนัง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าออกหมดแล้ว แต่ถ้ายังคงมีพฤติกรรมเสี่ยงอยู่ก็มีโอกาสที่เชื้อราจะกลับมาขึ้นซ้ำได้ ในที่นี้ก็จะมาแนะนำวิธีป้องกันเชื้อราเพื่อลดโอกาสเกิดคราบเชื้อราติดตามสิ่งของต่าง ๆ ซ้ำ ดังนี้

 

 

  • เปิดประตูหรือหน้าต่างระบายอากาศในห้องเพื่อลดความชื้นสะสม แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่อากาศไม่ถ่ายเท สามารถซื้อเครื่องลดความชื้นช่วยลดความชื้นในห้องได้

  • ตรวจสอบภายในบ้านว่ามีจุดรั่วซึมไหม เพราะจุดรั่วซึมทำให้ภายในบ้านมีความชื้นสูงขึ้น ทำให้เชื้อราขึ้นง่าย และยังทำให้เฟอร์นิเจอร์ กำแพง ผนัง เพดาน ในห้องเสียหายด้วย

  • กรณีที่กำแพง ผนัง เพดานเคยมีเชื้อราฝังลึกอยู่ ให้ทาสีกันเชื้อราทับ เพราะสีกันเชื้อรามีสารยับยั้งการก่อเชื้อราที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อราขึ้นซ้ำได้

  • หมั่นทำความสะอาดห้องอยู่เสมอ ไม่ให้มีเศษอาหาร เศษขนม น้ำหวาน ตกหล่นตามพื้น หรือมีฝุ่นเกาะติดพื้นผิว จนกลายเป็นต้นกำเนิดของเชื้อราในบ้าน

 

 

กำจัดเชื้อราในบ้านแล้ว อย่าลืมป้องกันบ้านจากเชื้อรา ไม่ให้เชื้อราขึ้นซ้ำอีก

 

การกำจัดเชื้อราภายในบ้านไม่ใช่เรื่องยาก แต่การป้องกันไม่ให้เชื้อรากลับมาเกิดอีกครั้งนั้นยากกว่า เพราะจำเป็นต้องดูแลความสะอาดภายในบ้านอยู่เสมอ ดังนั้นจึงควรเช็กสภาพอากาศภายในห้องเป็นประจำ และไม่ทำให้ห้องมีความชื้นสะสม โดยสามารถเลือกป้องกันด้วยเครื่องลดความชื้นจาก LG PuriCare Dehumidifier ที่ช่วยตรวจจับค่าความชื้นสัมพัทธ์ภายในห้อง และสามารถปรับระดับความชื้นในอากาศให้เหมาะสมได้อัตโนมัติ หรือสามารถเลือกระดับความชื้นที่ต้องการได้เอง พร้อมทั้งช่วยกำจัดแบคทีเรียในอากาศซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อรา เสียงเครื่องไม่ดังรบกวนช่วงเวลาพักผ่อน และยังช่วยประหยัดพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

 

สำหรับผู้ที่สนใจเครื่องลดความชื้นดีไซน์สวย คุณภาพดี เป็นมิตรต่อบ้านและสภาพแวดล้อมจาก LG สามารถดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.lg.com และพิเศษสุด ๆ เมื่อสมัคร LG Member รับส่วนลดและบริการพิเศษสุดคุ้มอีกหลายต่อ 

 

  • รับส่วนลด 10% ทุกการสั่งซื้อ (ยกเว้นการสั่งซื้อผ่านบริการ LG Subscribe)
  • Special Offer ผ่อน 0% สูงสุดถึง 18 เดือน *เฉพาะบัตรที่ร่วมรายการ
  • แอลจีบริการจัดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ พร้อม Exclusive Care+ สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ

 

 

สมัคร LG Member เพื่อรับสิทธิพิเศษ

 

ติดต่อ LG

โทรศัพท์: 02 057 5757 

ทุกวัน 8:00 - 18:00 น. 

Line: @lgthailand

อีเมล: supportlgeth@lge.com