We use cookies, including cookies from third parties, to enhance your user experience and the effectiveness of our marketing activities. These cookies are performance, analytics and advertising cookies, please see our Privacy and Cookie policy for further information. If you agree to all of our cookies select “Accept all” or select “Cookie Settings” to see which cookies we use and choose which ones you would like to accept.
แนะนำวิธีเลือกแอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน ต้องดูอะไรบ้าง?
เครื่องปรับอากาศเรียกได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐานที่ควรมีทุกบ้าน เนื่องจากสภาพอากาศประเทศไทยที่มีอากาศร้อนตลอดทั้งปี การเลือกซื้อแอร์จึงมีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งวิธีเลือกแอร์จะมีปัจจัยต่าง ๆ ให้พิจารณาแตกต่างตามความต้องการและลักษณะการใช้งาน ในบทความนี้จะมาแนะนำวิธีเลือกซื้อแอร์ให้เหมาะกับการใช้งานว่าจะต้องดูอะไรบ้าง เพื่อให้ได้แอร์ที่เหมาะสมกับงบประมาณและเข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตมากที่สุด
8 วิธีเลือกแอร์ควรดูอะไรบ้าง?
การเลือกแอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานควรพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัย เพื่อให้ได้แอร์ที่มีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการมากที่สุด ซึ่งวิธีเลือกแอร์จะมีปัจจัยหลัก ๆ ที่ควรให้สำคัญดังนี้
1.ประสิทธิภาพการประหยัดไฟฟ้า
การเลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ติดดาว ที่ยิ่งมีดาวเยอะก็จะยิ่งช่วยลดค่าไฟฟ้าได้อย่างมาก แม้ว่าราคาเริ่มต้นจะสูงกว่า แต่จะคืนทุนได้ในระยะยาวจากค่าไฟที่ประหยัดลง โดยควรเลือกรุ่นที่มีเทคโนโลยีประหยัดพลังงานอย่าง ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ซึ่งจะช่วยปรับกำลังการทำงานของคอมเพสเซอร์ได้อย่างต่อเนื่อง
2.ระบบฟอกอากาศ
ระบบฟอกอากาศก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณา โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่แพ้ฝุ่นหรือมีปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ ควรเลือกแอร์ที่มีระบบกรองอากาศขั้นสูง เช่น ระบบกรองฝุ่น PM 2.5 หรือระบบฟอกอากาศด้วยเทคโนโลยี Plasma Ion ที่สามารถกำจัดเชื้อโรค แบคทีเรีย และกลิ่นต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.การติดตั้งและการดูแลรักษา
วิธีเลือกแอร์นอกจากสเปคเครื่องแล้ว ความง่ายในการติดตั้งและการดูแลรักษาแอร์ก็เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ ควรเลือกแอร์ที่มีระบบติดตั้งไม่ยุ่งยาก และมีค่าบริการซ่อมบำรุงที่เหมาะสม นอกจากนี้ควรตรวจสอบการรับประกันและบริการหลังการขาย รวมถึงความพร้อมของศูนย์บริการในพื้นที่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนเมื่อเกิดปัญหา
4.แบรนด์และราคา
ควรเลือกแอร์จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถืออย่าง LG และเปรียบเทียบราคารวมถึงฟังก์ชันการใช้งานในแต่ละรุ่น ไม่ควรตัดสินใจเลือกเพียงเพราะราคาถูกที่สุด แต่ควรพิจารณาถึงคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่าในระยะยาว โดยอาจดูจากรีวิวและคำแนะนำจากผู้ใช้งานจริงเพิ่มเติม
5.เทคโนโลยีการทำความเย็น
การเลือกเทคโนโลยีการทำความเย็นที่เหมาะสมคือส่วนสำคัญในการเลือกแอร์ให้เหมาะกับลักษรณะการใช้งาน โดยแอร์ที่มีระบบอินเวอร์เตอร์จะช่วยเรื่องการประหยัดพลังงานและประหยัดค่าไฟได้ดีกว่าแอร์ทั่วไป ซึ่งจะเหมาะกับลักษณะการใช้งานที่ต้องมีการเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน ถึงแม้ว่าราคาของแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์จะสูงกว่าแอร์ทั่วไป แต่เมื่อเทียบกับส่วนต่างแล้วมีความคุ้มค่ากว่าแน่นอน
6.การออกแบบและดีไซน์
นอกจากเทคโนโลยีทำความเย็นและสเปคของแอร์แล้ว การออกแบบและดีไซต์ของตัวเครื่องปรับอากาศก็มีผลต่อการเลือกแอร์ให้เหมาะกับห้องเช่นกัน โดยจะต้องคำนึงถึงการออกแบบและดีไซน์ที่กลมกลืนกับตกแต่งภายในห้อง ควรเลือกสีและรูปทรงที่เข้ากับพื้นที่ใช้งาน ในบางรุ่นจะมีการออกแบบที่บางเบาและดูทันสมัย ซึ่งเหมาะสำหรับห้องนอน ห้องรับแขก หรือพื้นที่สำนักงาน ที่จะติดตั้งได้โดยไม่ทำลายความสวยงามของการตกแต่งภายใน
7.เสียงรบกวน
สำหรับวิธีเลือกแอร์ในห้องนอนหรือห้องทำงานอาจจะต้องคำนึงถึงเสียงรบกวนที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานของคอมเพสเซอร์แอร์ ดังนั้นจึงควรเลือกแอร์ที่มีระดับเสียงต่ำกว่า 40 เดซิเบล เพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวนขณะพักผ่อนหรือทำงาน ซึ่งในรายละเอียดสินค้าของแอร์แต่ละแบรนด์จะระบุระดับเสียงการทำงานของแอร์ทั้งในส่วนคอลย์ร้อนและคอลย์เย็นให้ได้พิจารณาก่อนเลือกซื้อ
8.ระบบ IoT และการควบคุมอัจฉริยะ
แอร์รุ่นใหม่ ๆ มักมาพร้อมกับระบบ IoT ที่สามารถควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นวิธีเลือกแอร์ที่เหมาะกับยุค AI ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะระบบ IoT จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับอุณหภูมิ ตั้งเวลา และตรวจสอบการทำงานจากระยะไกลได้อย่างแอร์ WiFi ที่สามารถเชื่อมต่อกับระบบบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) และทำงานร่วมกับ Smart Device ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานและช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีเลือก BTU แอร์ให้เหมาะกับขนาดห้อง
หลังจากที่ได้ทราบวิธีเลือกแอร์กันไปแล้วว่าควรพิจารณาจากปัจจัยไหนบ้าง จะมีคำถามที่มักพบบ่อยอยู่ ๆ คือ “ควรเลือกซื้อแอร์กี่ BTU ดี?” ซึ่งการเลือก BTU แอร์ให้เหมาะกับห้องนั้น โดยทั่วไปจะใช้วิธีคำนวณที่ขนาดห้อง 1 ตารางเมตรจะเทียบกับ 400-500 BTU ถ้าหากว่าห้องมีขนาด 16 ตารางเมตรก็ควรใช้แอร์ประมาณ 7,000-9,000 BTU ห้องขนาด 32 ตารางเมตรควรใช้ 12,000-15,000 BTU
นอกจากการคำนวณขนาดห้องแล้วก็ต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย เช่น ทิศทางการรับแสง จำนวนคน และการใช้งานภายในห้อง เพื่อให้การเลือก BTU แอร์มีประสิทธิภาพและเหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งานมากที่สุด
วิธีใช้งานแอร์ให้ประหยัดไฟ
นอกจากวิธีเลือกแอร์ที่ประหยัดไฟแล้ว การใช้งานแอร์อย่างถูกวิธีก็ช่วยประหยัดไฟและช่วยยืดอายุการใช้งานได้เช่นกัน โดยเฉพาะแอร์ WiFi ที่สามารถควบคุมและตรวจสอบการใช้งานได้อย่างแม่นยำ ซึ่งแนวทางการใช้งานแอร์ให้ประหยัดไฟจะมีดังนี้
ตั้งอุณหภูมิแอร์ไว้ที่ 25-26 องศา ซึ่งเป็นจุดที่เหมาะสมที่ให้ทั้งความเย็นสบายและช่วยประหยัดพลังงาน
ปิดม่านหรือกันสาดเพื่อป้องกันความร้อนจากแสงแดดและลดภาระการทำงานของคอมเพสเซอร์แอร์
ถอดทำความสะอาดแผ่นกรองแอร์ (filter) อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็น
ใช้พัดลมร่วมกับแอร์เพื่อกระจายความเย็นและช่วยลดการทำงานของเครื่อง
หลีกเลี่ยงการเปิด-ปิดแอร์บ่อย ๆ โดยควรใช้โหมดประหยัดพลังงานแทน
ปิดแอร์ก่อนออกจากห้อง 10-15 นาที เพื่อเป็นการประหยัดไฟ
วิธีเลือกแอร์ที่มีคุณภาพเหมาะกับการใช้งาน
วิธีเลือกแอร์ที่ดีและมีประสิทธิภาพควรดูปัจจัยหลาย ๆ ด้านให้ครอบคลุมตั้งแต่ งบประมาณ ขนาดพื้นที่ที่ติดตั้ง ฟังก์ชันการทำงาน รวมไปถึงเทคโนโลยีการทำงานในด้านต่าง ๆ เพื่อจะได้สามารถเลือกแอร์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้งานและขนาดห้องมากที่สุด
นอกจากนี้แล้วการเลือกแอร์ยังต้องคำนึงถึงการออกแบบที่กลมกลืนกับการตกแต่งภายใน และระบบควบคุม IoT ที่จะช่วยให้การใช้งานเครื่องปรับอากาศเป็นเรื่องที่สะดวกสบายและช่วยประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น การเลือกแบรนด์ที่มีคุณภาพและมีบริการหลังการขายที่ดี รวมถึงการคำนวณ BTU ที่เหมาะสมกับขนาดห้อง จะช่วยให้ได้แอร์ที่มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว
สำหรับใครที่สนใจหรือกำลังมองหาแอร์คุณภาพดี มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างระบบกรองฝุ่น PM 2.5 หรือจะเป็นการใช้งานระบบ IoT สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.LG.com และพิเศษสุด ๆ คุ้มยิ่งขึ้นกับสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก LG Member ที่ยกขบวนทั้งส่วนลดและบริการสุดพิเศษมาให้คุณ เพียงแค่สมัครสมาชิก LG Member
รับส่วนลด 10% ทุกการสั่งซื้อ (ยกเว้นการสั่งซื้อผ่านบริการ LG Subscribe)
Special Offer ผ่อน 0% สูงสุดถึง 18 เดือน *เฉพาะบัตรที่ร่วมรายการ
แอลจีบริการจัดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ พร้อม Exclusive Care+ สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ
สมัคร LG Member เพื่อรับสิทธิพิเศษ
ติดต่อ LG
โทรศัพท์ 02 057 5757
ทุกวัน 8:00-18:00 น.
อีเมล: supportlgeth@lge.com
* ตรวจสอบเงื่อนไขส่วนลดและสิทธิพิเศษ LG Member ได้ที่ https://www.lg.com/th/membership/