วิธีเก็บผักในตู้เย็น สำรวจ 15 เทคนิคที่ทำได้จริงเพื่อให้ผักสดนานขึ้น

วิธีเก็บผักในตู้เย็น

วิธีเก็บผักในตู้เย็น สำรวจ 15 เทคนิคที่ทำได้จริงเพื่อให้ผักสดนานขึ้น

2025-05-29

ผักเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหาร แต่บ่อยครั้งที่ผักเน่าเสียเร็วกว่าที่ควรจะเป็น โดยบทความนี้จะพาคุณไปสำรวจวิธีเก็บผักในตู้เย็น อย่างละเอียดด้วย 15 เทคนิคที่ทำได้จริง เพื่อให้ผักคงความสดใหม่ได้นานขึ้น เราจะเจาะลึกตั้งแต่การเลือกผัก การเตรียมผักก่อนเก็บ การใช้ภาชนะที่ถูกต้อง ไปจนถึงเคล็ดลับของผักแต่ละชนิด เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับผักที่สดกรอบอร่อย ลดการทิ้งผักเสีย และประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน

 

 

1. ไม่ต้องล้างผักก่อนแช่

 

 

การไม่ล้างผักก่อนเก็บในตู้เย็นเป็นเคล็ดลับของวิธีเก็บผักให้ได้นาน โดยแนะนำให้ล้างผักก่อนนำไปประกอบอาหารเท่านั้น เพราะความชื้นที่มากับการล้างจะเป็นตัวเร่งให้เน่าเสียและเป็นแหล่งเพาะเชื้อจุลินทรีย์ โดยเฉพาะผักใบมีโครงสร้างที่บอบบาง ความชื้นส่วนเกินจะทำให้เซลล์พืชเสียสภาพเร็วขึ้น เกิดการช้ำและเปลี่ยนสี

 

 

2. เก็บทั้งลูกหรือทั้งต้นไปเลย

 

 

การหั่นหรือตัดผักก่อนเก็บจะทำให้เซลล์พืชถูกทำลาย เอนไซม์ถูกปล่อยออกมาและเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ บริเวณที่ถูกตัดจะเป็นประตูเปิดให้เชื้อจุลินทรีย์เข้าสู่เนื้อเยื่อพืช ทำให้ผักเน่าเสียเร็ว โดยผักบางชนิดเช่น แครอท, บรอกโคลี, กะหล่ำปลี หรือแตงกวา จะรักษาความกรอบและคุณค่าทางอาหารได้ดีกว่าเมื่อเก็บทั้งหัวหรือทั้งลูก ถ้าจำเป็นต้องเตรียมผักล่วงหน้า ควรหั่นเป็นชิ้นใหญ่และเก็บในภาชนะที่ปิดสนิท

 

 

3. เลือกภาชนะที่เหมาะสำหรับการเก็บผัก

 

 

ภาชนะที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการยืดอายุผัก โดยกล่องสุญญากาศที่มีฝาล็อกสนิทจะช่วยป้องกันการเข้าออกของอากาศและความชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเน่าเสีย และถุงซิปล็อกก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับผักที่ต้องการควบคุมความชื้น โดยควรดูดอากาศออกให้มากที่สุดก่อนปิด

 

ถ้าต้องการเคล็ดลับเพิ่มเติมในการจัดตู้เย็นที่บ้าน คลิกอ่านได้ที่การจัดระเบียบตู้เย็น!

 

 

4. เช็กและรักษาอุณหภูมิตู้เย็นที่ 1-4 องศา

 

 

การตรวจสอบและรักษาอุณหภูมิตู้เย็นให้เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญของวิธีเก็บผักในตู้เย็น โดยแนะนำให้ตั้งอุณหภูมิช่องธรรมดาไว้ที่ 1-4 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิที่เหมาะที่สุดสำหรับการเก็บรักษาผักส่วนใหญ่ ถ้าอุณหภูมิต่ำเกินไป น้ำในเซลล์จะกลายเป็นน้ำแข็ง อาจทำให้ผักเหี่ยวและเปลี่ยนสีเมื่อละลาย ในทางกลับกัน ถ้าอุณหภูมิสูงเกินไป จุลินทรีย์จะเติบโตได้เร็ว ทำให้ผักเน่าเสียในเวลาอันสั้น

 

 

5. จัดแบ่งผักตามชนิดให้เหมาะสม

 

 

การเก็บผักควรจัดแบ่งผักตามชนิดและอายุการเก็บรักษา เพราะผักบางชนิดจะปล่อยก๊าซเอทิลีน ซึ่งเป็นก๊าซธรรมชาติที่ทำให้ผักและผลไม้สุกและเน่าเสีย โดยผักที่ผลิตก๊าซเอทิลีนในปริมาณสูง เช่น แอปเปิล มะเขือเทศ มะละกอ และอะโวคาโด ควรแยกเก็บจากผักที่ไวต่อก๊าซนี้ เช่น ผักใบเขียว บรอกโคลี และกะหล่ำปลี

 

 

6. ห่อผักใบด้วยกระดาษ

 

 

การห่อผักใบด้วยกระดาษได้ผลดีโดยเฉพาะกับผักใบเขียวที่เน่าเสียได้ง่ายเมื่อมีความชื้นสูง โดยกระดาษทิชชู่หรือกระดาษอื่น ๆ ที่ไม่มีหมึกพิมพ์สัมผัสกับผักโดยตรง จะดูดซับความชื้นส่วนเกินที่ผักคายออกมา ป้องกันการเกิดหยดน้ำที่จะเร่งการเจริญของเชื้อราและแบคทีเรีย วิธีนี้เหมาะกับผักชี ผักกาดหอม ผักคะน้า และผักบุ้ง โดยให้ห่อหลวม ๆ เพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ แล้วนำไปใส่ในถุงที่เจาะรู

 

 

7. สำรวจสภาพผักทุก 2-3 วัน

 

 

ควรหมั่นเปิดตู้เย็นสำรวจสภาพผักทุก 2-3 วัน เมื่อพบผักที่เริ่มเน่า มีจุดช้ำ หรือเปลี่ยนสี ควรคัดแยกออกทันที เพราะผักเหล่านี้จะปล่อยก๊าซที่เร่งให้ผักใกล้เคียงเน่าเสียตามไปด้วย นอกจากนี้ เชื้อราและแบคทีเรียจากผักเน่ายังสามารถแพร่กระจายไปยังผักอื่นได้อย่างรวดเร็ว โดยการคัดแยกผักเสียยังเป็นโอกาสดีที่จะได้ล้างตู้เย็นและทำความสะอาดช่องเก็บผักเพื่อกำจัดเชื้อโรคที่อาจตกค้างอยู่

 

 

8. แยกผักใบกับผักหัว

 

 

การเก็บผักให้คงความสดนั้น หลักสำคัญคือต้องแยกผักใบกับผักหัวออกจากกัน โดยผักใบ เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักกาดหอม มักมีความชื้นสูงและต้องการความชื้นบางส่วนเพื่อคงความสด ส่วนผักหัวอย่างเช่น หัวหอม กระเทียม แครอท ต้องการสภาพแวดล้อมที่แห้งมากกว่า ควรเก็บโดยไม่ล้างและวางในที่อากาศถ่ายเทได้ดีในตู้เย็น

 

 

9. วางแผนการใช้ผักตามอายุการเก็บรักษา 

 

 

วิธีเก็บผักในตู้เย็นให้เริ่มต้นจากการวางแผนการใช้ผัก โดยควรจัดลำดับการใช้ผักตามอายุการเก็บรักษา นำผักที่เน่าเสียง่ายและมีอายุสั้น วางไว้ด้านหน้าหรือบนชั้นที่มองเห็นได้ง่าย และวางแผนใช้ก่อน ส่วนผักที่เก็บได้นานกว่าควรจัดเก็บไว้ด้านในหรือล่างสุด โดยการวางแผนเมนูอาหารล่วงหน้าตามวัตถุดิบที่มีอยู่จะช่วยบริหารจัดการการใช้ผักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

 

10. อย่ากดผักแน่นเกินไป ให้อากาศได้ถ่ายเท 

 

 

การจัดเรียงผักควรให้มีช่องว่างเพียงพอเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี เมื่อผักอัดแน่นเกินไปจะทับกันจนช้ำและความชื้นจะถูกกักไว้ระหว่างชั้นของผักทำให้เน่าเสียเร็ว โดยเฉพาะผักใบอย่างผักกาดหอมหรือผักโขมที่บอบบางและช้ำง่าย การวางผักอย่างเหมาะสมโดยให้มีพื้นที่ว่างเล็กน้อยระหว่างชิ้น จะช่วยให้ความเย็นและความชื้นกระจายตัวสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยรักษาความสดของผักนานขึ้น

 

 

11. เก็บผักในช่องแช่ผักโดยเฉพาะ

 

 

วิธีเก็บผักในตู้เย็นที่ถูกต้องคือ เก็บในช่องแช่ผักโดยเฉพาะ โดยช่องนี้ถูกออกแบบมาให้มีระดับความชื้นที่เหมาะสำหรับการเก็บรักษาผัก ปกติแล้วช่องแช่ผักจะอยู่ด้านล่างสุดของตู้เย็น ซึ่งการแยกเก็บผักในช่องเฉพาะยังช่วยป้องกันการปนเปื้อนกลิ่นจากอาหารอื่น ๆ ในตู้เย็น และลดโอกาสที่ผักจะได้รับผลกระทบจากการเปิดปิดตู้เย็นบ่อย ๆ

 

 

12. เก็บทุเรียนโดยใช้พลาสติกแร็ปหรือใส่กล่องที่ปิดสนิท

 

 

วิธีเก็บทุเรียนในตู้เย็นเริ่มด้วยการห่อทุเรียนด้วยพลาสติกแร็ปหลายชั้นหรือใส่ในกล่องพลาสติกมีฝาปิดสนิท แล้วเก็บในช่องผักของตู้เย็น ไม่ควรเก็บในช่องแช่แข็งเพราะจะทำให้เนื้อทุเรียนเสียเนื้อสัมผัสและรสชาติ ส่วนทุเรียนที่แกะเนื้อแล้วควรห่อด้วยพลาสติกแร็ปแยกแต่ละพูก่อนนำไปเก็บ และควรรับประทานภายใน 1-2 วัน โดยควรแยกเก็บทุเรียนจากอาหารอื่นเพื่อป้องกันกลิ่น

 

 

13. การเก็บองุ่นให้ใช้ภาชนะที่มีการระบายอากาศที่ดี

 

 

วิธีเก็บองุ่นในตู้เย็นอย่างถูกต้องจะช่วยรักษาความสดและรสชาติ โดยไม่ควรล้างองุ่นก่อนเก็บเพราะความชื้นจะเร่งการเน่าเสีย แนะนำให้เก็บองุ่นในภาชนะที่มีการระบายอากาศหรือในถุงพลาสติกเจาะรูเล็ก ๆ และวางในช่องผัก ซึ่งองุ่นที่เก็บอย่างเหมาะสมจะรักษาความสดได้ถึง 1-2 สัปดาห์ เมื่อต้องการรับประทาน นำมาล้างและปล่อยไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 30 นาที เพื่อให้รสชาติขององุ่นกลับมา

 

 

14. เก็บพริกสดในกล่องที่รองด้วยทิชชู่

 

 

การเก็บพริกสดเริ่มจากล้างพริกให้สะอาดแล้วผึ่งให้แห้งสนิทเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา จากนั้นวางพริกลงในกล่องสุญญากาศที่รองด้วยทิชชู่หรือกระดาษซับความชื้น เพื่อดูดซับความชื้น ซึ่งกล่องนี้จะช่วยรักษาความสดและป้องกันไม่ให้กลิ่นพริกกระจาย สำหรับพริกที่เหลือใช้ในปริมาณมากอาจนำไปแช่แข็งโดยตัดขั้วพริกออก บรรจุในถุงซิปล็อกและเก็บในช่องแช่แข็ง

 

 

15. เช็กว่าผักชนิดนั้นควรเก็บในหรือนอกตู้เย็น

 

 

การเก็บผักผลไม้บางชนิดไว้นอกตู้เย็นจะช่วยรักษาคุณภาพและรสชาติได้ดีกว่า อย่างเช่นมันฝรั่งที่ควรเก็บในที่มืดและแห้งเพราะอุณหภูมิต่ำจะเร่งการเปลี่ยนแป้ง เช่นเดียวกับหัวหอมที่ไม่เหมาะกับความชื้นในตู้เย็น ควรเก็บในที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทดีเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา ซึ่งการเก็บรักษาให้ถูกวิธีจะช่วยลดการสูญเสียอาหารและประหยัดพื้นที่ในตู้เย็นได้อีกด้วย

 

 

ผักและผลไม้สามารถเก็บในตู้เย็นได้นานเท่าไหร่? ไขข้อสงสัยเรื่องอายุการเก็บรักษา

 

อายุการเก็บรักษาผักและผลไม้แตกต่างกันไปตามชนิดและสภาพความสดเมื่อซื้อมา โดยสามารถเก็บได้ตั้งแต่ไม่กี่วันจนถึงหลายสัปดาห์ ผลไม้ที่ยังไม่หั่นจะเก็บได้นาน ขณะที่ผักมีอายุหลากหลาย แครอทเก็บได้นานถึง 4 สัปดาห์ บรอกโคลีประมาณ 5 วัน ส่วนข้าวโพดเก็บได้เพียง 2 วันเท่านั้น โดยการซื้อมาในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยลดอาหารเหลือทิ้งและเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน

 

 

วิธีเก็บผักในตู้เย็นแบบง่าย ๆ ทางเลือกเพื่อการประหยัดเงินและลดขยะ

 

 

วิธีเก็บผักในตู้เย็นอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุผักให้สดนาน โดยหลักการง่าย ๆ คือการแยกประเภทผัก หลีกเลี่ยงการล้างผักก่อนเก็บ ทำให้ผักแห้งสนิท ใช้ภาชนะที่เหมาะสม และควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งการปฏิบัติตามเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีผักสดไว้ใช้ทำอาหารได้นานขึ้น ลดการทิ้งผักเสีย และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย

 

นอกจากนี้ ถ้าคุณใช้ตู้เย็นคุณภาพดีที่มีฟังก์ชันช่วยรักษาความสดอย่างตู้เย็น LG ก็จะยิ่งทำให้การเก็บผักเป็นเรื่องง่ายขึ้น เช่น LinearCooling™ เทคโนโลยีที่ช่วยลดความผันผวนของอุณหภูมิ รักษาความสดใหม่ของรสชาติได้นาน, เทคโนโลยี Hygiene Fresh ช่วยลดแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เย็น และ FRESHBalancer™ ที่ช่วยควบคุมความชื้นให้เหมาะกับการเก็บผักและผลไม้ เพื่อคงความสดได้ยาวนานยิ่งกว่าเดิม

 

และสำหรับใครที่กำลังมองหาตู้เย็นคุณภาพดีจาก LG สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อประกอบการเลือกซื้อได้ที่ www.LG.com โดยตอนนี้ก็มีสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก LG Member ที่ยกขบวนมาทั้งส่วนลดและบริการเหนือระดับมาให้คุณถึงบ้าน เพียงสมัครสมาชิก LG Member เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น

 

  • รับส่วนลด 10% ทุกการสั่งซื้อ (ยกเว้นการสั่งซื้อผ่านบริการ LG Subscribe)
  • Special Offer ผ่อน 0% สูงสุดถึง 18 เดือน *เฉพาะบัตรที่ร่วมรายการ
  • แอลจีบริการจัดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ พร้อม Exclusive Care+ สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ

 

สมัคร LG Member เพื่อรับสิทธิพิเศษ

 

ติดต่อ LG
โทรศัพท์ 02 057 5757

ทุกวัน 8:00 - 18:00 น.

supportlgeth@lge.com

 

* ตรวจสอบเงื่อนไขส่วนลดและสิทธิพิเศษ LG Member ได้ที่ https://www.lg.com/th/membership/