We use cookies, including cookies from third parties, to enhance your user experience and the effectiveness of our marketing activities. These cookies are performance, analytics and advertising cookies, please see our Privacy and Cookie policy for further information. If you agree to all of our cookies select “Accept all” or select “Cookie Settings” to see which cookies we use and choose which ones you would like to accept.
วิธีเก็บผักในตู้เย็น สำรวจ 15 เทคนิคที่ทำได้จริงเพื่อให้ผักสดนานขึ้น
ผักเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหาร แต่บ่อยครั้งที่ผักเน่าเสียเร็วกว่าที่ควรจะเป็น โดยบทความนี้จะพาคุณไปสำรวจวิธีเก็บผักในตู้เย็น อย่างละเอียดด้วย 15 เทคนิคที่ทำได้จริง เพื่อให้ผักคงความสดใหม่ได้นานขึ้น เราจะเจาะลึกตั้งแต่การเลือกผัก การเตรียมผักก่อนเก็บ การใช้ภาชนะที่ถูกต้อง ไปจนถึงเคล็ดลับของผักแต่ละชนิด เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับผักที่สดกรอบอร่อย ลดการทิ้งผักเสีย และประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน
1. ไม่ต้องล้างผักก่อนแช่
การไม่ล้างผักก่อนเก็บในตู้เย็นเป็นเคล็ดลับของวิธีเก็บผักให้ได้นาน โดยแนะนำให้ล้างผักก่อนนำไปประกอบอาหารเท่านั้น เพราะความชื้นที่มากับการล้างจะเป็นตัวเร่งให้เน่าเสียและเป็นแหล่งเพาะเชื้อจุลินทรีย์ โดยเฉพาะผักใบมีโครงสร้างที่บอบบาง ความชื้นส่วนเกินจะทำให้เซลล์พืชเสียสภาพเร็วขึ้น เกิดการช้ำและเปลี่ยนสี
2. เก็บทั้งลูกหรือทั้งต้นไปเลย
การหั่นหรือตัดผักก่อนเก็บจะทำให้เซลล์พืชถูกทำลาย เอนไซม์ถูกปล่อยออกมาและเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ บริเวณที่ถูกตัดจะเป็นประตูเปิดให้เชื้อจุลินทรีย์เข้าสู่เนื้อเยื่อพืช ทำให้ผักเน่าเสียเร็ว โดยผักบางชนิดเช่น แครอท, บรอกโคลี, กะหล่ำปลี หรือแตงกวา จะรักษาความกรอบและคุณค่าทางอาหารได้ดีกว่าเมื่อเก็บทั้งหัวหรือทั้งลูก ถ้าจำเป็นต้องเตรียมผักล่วงหน้า ควรหั่นเป็นชิ้นใหญ่และเก็บในภาชนะที่ปิดสนิท
3. เลือกภาชนะที่เหมาะสำหรับการเก็บผัก
ภาชนะที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการยืดอายุผัก โดยกล่องสุญญากาศที่มีฝาล็อกสนิทจะช่วยป้องกันการเข้าออกของอากาศและความชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเน่าเสีย และถุงซิปล็อกก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดีสำหรับผักที่ต้องการควบคุมความชื้น โดยควรดูดอากาศออกให้มากที่สุดก่อนปิด
ถ้าต้องการเคล็ดลับเพิ่มเติมในการจัดตู้เย็นที่บ้าน คลิกอ่านได้ที่การจัดระเบียบตู้เย็น!
4. เช็กและรักษาอุณหภูมิตู้เย็นที่ 1-4 องศา
การตรวจสอบและรักษาอุณหภูมิตู้เย็นให้เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญของวิธีเก็บผักในตู้เย็น โดยแนะนำให้ตั้งอุณหภูมิช่องธรรมดาไว้ที่ 1-4 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นช่วงอุณหภูมิที่เหมาะที่สุดสำหรับการเก็บรักษาผักส่วนใหญ่ ถ้าอุณหภูมิต่ำเกินไป น้ำในเซลล์จะกลายเป็นน้ำแข็ง อาจทำให้ผักเหี่ยวและเปลี่ยนสีเมื่อละลาย ในทางกลับกัน ถ้าอุณหภูมิสูงเกินไป จุลินทรีย์จะเติบโตได้เร็ว ทำให้ผักเน่าเสียในเวลาอันสั้น
5. จัดแบ่งผักตามชนิดให้เหมาะสม
การเก็บผักควรจัดแบ่งผักตามชนิดและอายุการเก็บรักษา เพราะผักบางชนิดจะปล่อยก๊าซเอทิลีน ซึ่งเป็นก๊าซธรรมชาติที่ทำให้ผักและผลไม้สุกและเน่าเสีย โดยผักที่ผลิตก๊าซเอทิลีนในปริมาณสูง เช่น แอปเปิล มะเขือเทศ มะละกอ และอะโวคาโด ควรแยกเก็บจากผักที่ไวต่อก๊าซนี้ เช่น ผักใบเขียว บรอกโคลี และกะหล่ำปลี
6. ห่อผักใบด้วยกระดาษ
การห่อผักใบด้วยกระดาษได้ผลดีโดยเฉพาะกับผักใบเขียวที่เน่าเสียได้ง่ายเมื่อมีความชื้นสูง โดยกระดาษทิชชู่หรือกระดาษอื่น ๆ ที่ไม่มีหมึกพิมพ์สัมผัสกับผักโดยตรง จะดูดซับความชื้นส่วนเกินที่ผักคายออกมา ป้องกันการเกิดหยดน้ำที่จะเร่งการเจริญของเชื้อราและแบคทีเรีย วิธีนี้เหมาะกับผักชี ผักกาดหอม ผักคะน้า และผักบุ้ง โดยให้ห่อหลวม ๆ เพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ แล้วนำไปใส่ในถุงที่เจาะรู
7. สำรวจสภาพผักทุก 2-3 วัน
ควรหมั่นเปิดตู้เย็นสำรวจสภาพผักทุก 2-3 วัน เมื่อพบผักที่เริ่มเน่า มีจุดช้ำ หรือเปลี่ยนสี ควรคัดแยกออกทันที เพราะผักเหล่านี้จะปล่อยก๊าซที่เร่งให้ผักใกล้เคียงเน่าเสียตามไปด้วย นอกจากนี้ เชื้อราและแบคทีเรียจากผักเน่ายังสามารถแพร่กระจายไปยังผักอื่นได้อย่างรวดเร็ว โดยการคัดแยกผักเสียยังเป็นโอกาสดีที่จะได้ล้างตู้เย็นและทำความสะอาดช่องเก็บผักเพื่อกำจัดเชื้อโรคที่อาจตกค้างอยู่
8. แยกผักใบกับผักหัว
การเก็บผักให้คงความสดนั้น หลักสำคัญคือต้องแยกผักใบกับผักหัวออกจากกัน โดยผักใบ เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักกาดหอม มักมีความชื้นสูงและต้องการความชื้นบางส่วนเพื่อคงความสด ส่วนผักหัวอย่างเช่น หัวหอม กระเทียม แครอท ต้องการสภาพแวดล้อมที่แห้งมากกว่า ควรเก็บโดยไม่ล้างและวางในที่อากาศถ่ายเทได้ดีในตู้เย็น
9. วางแผนการใช้ผักตามอายุการเก็บรักษา
วิธีเก็บผักในตู้เย็นให้เริ่มต้นจากการวางแผนการใช้ผัก โดยควรจัดลำดับการใช้ผักตามอายุการเก็บรักษา นำผักที่เน่าเสียง่ายและมีอายุสั้น วางไว้ด้านหน้าหรือบนชั้นที่มองเห็นได้ง่าย และวางแผนใช้ก่อน ส่วนผักที่เก็บได้นานกว่าควรจัดเก็บไว้ด้านในหรือล่างสุด โดยการวางแผนเมนูอาหารล่วงหน้าตามวัตถุดิบที่มีอยู่จะช่วยบริหารจัดการการใช้ผักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
10. อย่ากดผักแน่นเกินไป ให้อากาศได้ถ่ายเท
การจัดเรียงผักควรให้มีช่องว่างเพียงพอเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี เมื่อผักอัดแน่นเกินไปจะทับกันจนช้ำและความชื้นจะถูกกักไว้ระหว่างชั้นของผักทำให้เน่าเสียเร็ว โดยเฉพาะผักใบอย่างผักกาดหอมหรือผักโขมที่บอบบางและช้ำง่าย การวางผักอย่างเหมาะสมโดยให้มีพื้นที่ว่างเล็กน้อยระหว่างชิ้น จะช่วยให้ความเย็นและความชื้นกระจายตัวสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยรักษาความสดของผักนานขึ้น
11. เก็บผักในช่องแช่ผักโดยเฉพาะ
วิธีเก็บผักในตู้เย็นที่ถูกต้องคือ เก็บในช่องแช่ผักโดยเฉพาะ โดยช่องนี้ถูกออกแบบมาให้มีระดับความชื้นที่เหมาะสำหรับการเก็บรักษาผัก ปกติแล้วช่องแช่ผักจะอยู่ด้านล่างสุดของตู้เย็น ซึ่งการแยกเก็บผักในช่องเฉพาะยังช่วยป้องกันการปนเปื้อนกลิ่นจากอาหารอื่น ๆ ในตู้เย็น และลดโอกาสที่ผักจะได้รับผลกระทบจากการเปิดปิดตู้เย็นบ่อย ๆ
12. เก็บทุเรียนโดยใช้พลาสติกแร็ปหรือใส่กล่องที่ปิดสนิท
วิธีเก็บทุเรียนในตู้เย็นเริ่มด้วยการห่อทุเรียนด้วยพลาสติกแร็ปหลายชั้นหรือใส่ในกล่องพลาสติกมีฝาปิดสนิท แล้วเก็บในช่องผักของตู้เย็น ไม่ควรเก็บในช่องแช่แข็งเพราะจะทำให้เนื้อทุเรียนเสียเนื้อสัมผัสและรสชาติ ส่วนทุเรียนที่แกะเนื้อแล้วควรห่อด้วยพลาสติกแร็ปแยกแต่ละพูก่อนนำไปเก็บ และควรรับประทานภายใน 1-2 วัน โดยควรแยกเก็บทุเรียนจากอาหารอื่นเพื่อป้องกันกลิ่น
13. การเก็บองุ่นให้ใช้ภาชนะที่มีการระบายอากาศที่ดี
วิธีเก็บองุ่นในตู้เย็นอย่างถูกต้องจะช่วยรักษาความสดและรสชาติ โดยไม่ควรล้างองุ่นก่อนเก็บเพราะความชื้นจะเร่งการเน่าเสีย แนะนำให้เก็บองุ่นในภาชนะที่มีการระบายอากาศหรือในถุงพลาสติกเจาะรูเล็ก ๆ และวางในช่องผัก ซึ่งองุ่นที่เก็บอย่างเหมาะสมจะรักษาความสดได้ถึง 1-2 สัปดาห์ เมื่อต้องการรับประทาน นำมาล้างและปล่อยไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 30 นาที เพื่อให้รสชาติขององุ่นกลับมา
14. เก็บพริกสดในกล่องที่รองด้วยทิชชู่
การเก็บพริกสดเริ่มจากล้างพริกให้สะอาดแล้วผึ่งให้แห้งสนิทเพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา จากนั้นวางพริกลงในกล่องสุญญากาศที่รองด้วยทิชชู่หรือกระดาษซับความชื้น เพื่อดูดซับความชื้น ซึ่งกล่องนี้จะช่วยรักษาความสดและป้องกันไม่ให้กลิ่นพริกกระจาย สำหรับพริกที่เหลือใช้ในปริมาณมากอาจนำไปแช่แข็งโดยตัดขั้วพริกออก บรรจุในถุงซิปล็อกและเก็บในช่องแช่แข็ง
15. เช็กว่าผักชนิดนั้นควรเก็บในหรือนอกตู้เย็น
การเก็บผักผลไม้บางชนิดไว้นอกตู้เย็นจะช่วยรักษาคุณภาพและรสชาติได้ดีกว่า อย่างเช่นมันฝรั่งที่ควรเก็บในที่มืดและแห้งเพราะอุณหภูมิต่ำจะเร่งการเปลี่ยนแป้ง เช่นเดียวกับหัวหอมที่ไม่เหมาะกับความชื้นในตู้เย็น ควรเก็บในที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทดีเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา ซึ่งการเก็บรักษาให้ถูกวิธีจะช่วยลดการสูญเสียอาหารและประหยัดพื้นที่ในตู้เย็นได้อีกด้วย
ผักและผลไม้สามารถเก็บในตู้เย็นได้นานเท่าไหร่? ไขข้อสงสัยเรื่องอายุการเก็บรักษา
อายุการเก็บรักษาผักและผลไม้แตกต่างกันไปตามชนิดและสภาพความสดเมื่อซื้อมา โดยสามารถเก็บได้ตั้งแต่ไม่กี่วันจนถึงหลายสัปดาห์ ผลไม้ที่ยังไม่หั่นจะเก็บได้นาน ขณะที่ผักมีอายุหลากหลาย แครอทเก็บได้นานถึง 4 สัปดาห์ บรอกโคลีประมาณ 5 วัน ส่วนข้าวโพดเก็บได้เพียง 2 วันเท่านั้น โดยการซื้อมาในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยลดอาหารเหลือทิ้งและเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน
วิธีเก็บผักในตู้เย็นแบบง่าย ๆ ทางเลือกเพื่อการประหยัดเงินและลดขยะ
วิธีเก็บผักในตู้เย็นอย่างถูกต้องจะช่วยยืดอายุผักให้สดนาน โดยหลักการง่าย ๆ คือการแยกประเภทผัก หลีกเลี่ยงการล้างผักก่อนเก็บ ทำให้ผักแห้งสนิท ใช้ภาชนะที่เหมาะสม และควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งการปฏิบัติตามเทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีผักสดไว้ใช้ทำอาหารได้นานขึ้น ลดการทิ้งผักเสีย และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ถ้าคุณใช้ตู้เย็นคุณภาพดีที่มีฟังก์ชันช่วยรักษาความสดอย่างตู้เย็น LG ก็จะยิ่งทำให้การเก็บผักเป็นเรื่องง่ายขึ้น เช่น LinearCooling™ เทคโนโลยีที่ช่วยลดความผันผวนของอุณหภูมิ รักษาความสดใหม่ของรสชาติได้นาน, เทคโนโลยี Hygiene Fresh ช่วยลดแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในตู้เย็น และ FRESHBalancer™ ที่ช่วยควบคุมความชื้นให้เหมาะกับการเก็บผักและผลไม้ เพื่อคงความสดได้ยาวนานยิ่งกว่าเดิม
และสำหรับใครที่กำลังมองหาตู้เย็นคุณภาพดีจาก LG สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อประกอบการเลือกซื้อได้ที่ www.LG.com โดยตอนนี้ก็มีสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก LG Member ที่ยกขบวนมาทั้งส่วนลดและบริการเหนือระดับมาให้คุณถึงบ้าน เพียงสมัครสมาชิก LG Member เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- รับส่วนลด 10% ทุกการสั่งซื้อ (ยกเว้นการสั่งซื้อผ่านบริการ LG Subscribe)
- Special Offer ผ่อน 0% สูงสุดถึง 18 เดือน *เฉพาะบัตรที่ร่วมรายการ
- แอลจีบริการจัดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ พร้อม Exclusive Care+ สำหรับสินค้าที่ร่วมรายการ
สมัคร LG Member เพื่อรับสิทธิพิเศษ
ติดต่อ LG
โทรศัพท์ 02 057 5757
ทุกวัน 8:00 - 18:00 น.
* ตรวจสอบเงื่อนไขส่วนลดและสิทธิพิเศษ LG Member ได้ที่ https://www.lg.com/th/membership/