สัญลักษณ์ซักผ้า เข้าใจความหมายของป้ายเสื้อผ้า ก่อนนำไปซัก

สัญลักษณ์ซักผ้า

สัญลักษณ์ซักผ้า เข้าใจความหมายของป้ายเสื้อผ้า ก่อนนำไปซัก

2025-06-25

เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าป้ายที่ติดอยู่ตรงปกคอเสื้อหรือตรงข้าง ๆ เสื้อเป็นสัญลักษณ์ซักผ้าที่มีความสำคัญกว่าที่คิด เพราะการดูแลเสื้อผ้าอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้เสื้อผ้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น แต่ยังป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการซักที่ไม่ถูกต้องอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องซักผ้า  หรือการซักมือก็ตาม

 

ทุกครั้งที่เราอ่านสัญลักษณ์การซักผ้าให้เข้าใจก่อนซักนั้น เท่ากับเรากำลังช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาคุณภาพของเสื้อผ้าตัวโปรดอยู่ ดังนั้น มาทำความรู้จักความหมายของสัญลักษณ์ซักผ้าเหล่านี้กันดีกว่า เพื่อให้การซักผ้าในครั้งต่อไปของคุณเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยสำหรับเสื้อผ้าทุกชิ้น

 

 

สัญลักษณ์ซักผ้าแต่ละตัวมีไว้ทำไม?

 

สัญลักษณ์ซักผ้า ที่เราเห็นติดอยู่ตามป้ายเสื้อผ้านั้น ไม่ใช่แค่เครื่องหมายธรรมดา แต่เปรียบเสมือนคู่มือดูแลรักษาเสื้อผ้าแบบย่อส่วนที่มีความสำคัญ เพราะเสื้อผ้าแต่ละชิ้นผลิตจากเส้นใยที่แตกต่างกัน จึงต้องการการดูแลที่เฉพาะเจาะจง เครื่องหมายซักผ้าเหล่านี้บอกให้เรารู้ว่าควรซักด้วยอุณหภูมิเท่าไร ควรใช้สารซักฟอกประเภทใด รวมถึงมีสัญลักษณ์พิเศษสำหรับผ้าที่ห้ามอบ  เพื่อป้องกันการหดตัวหรือเสียรูปทรง

 

นอกจากนี้ ยังมีสัญลักษณ์ห้ามซักสำหรับเสื้อผ้าที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น ซักแห้งเท่านั้น ซึ่งการทำความเข้าใจสัญลักษณ์เหล่านี้ไม่เพียงช่วยยืดอายุการใช้งานของเสื้อผ้า แต่ยังช่วยในการตัดสินใจซื้อเสื้อผ้า เพราะเสื้อผ้าบางชิ้นอาจมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่สูงกว่าที่คาดคิด

 

 

7 สัญลักษณ์ซักผ้าที่ทุกคนควรรู้

 

การทำความเข้าใจสัญลักษณ์ซักผ้าบนป้ายเสื้อผ้า จะสามารถช่วยให้เราดูแลรักษาเสื้อผ้าได้อย่างถูกวิธี ยืดอายุการใช้งาน และรักษาคุณภาพของเนื้อผ้าให้สวยงามไปนาน ๆ โดยรายละเอียดสัญลักษณ์ซักผ้า มีดังนี้

 

 

1. หมวดการซัก

 

 

สัญลักษณ์รูปอ่างน้ำหรือกะละมังเป็นสัญลักษณ์บอกว่าควรซักผ้าชิ้นนั้นด้วยวิธีใด โดยหากไม่มีขีดใต้อ่าง หมายถึงสามารถซักได้ปกติด้วยเครื่องซักผ้าในโหมดทั่วไป เหมาะสำหรับผ้าฝ้าย แต่หากมีขีดใต้อ่าง 1 ขีด ควรซักในโหมดถนอมผ้า และหากมีขีดใต้อ่าง 2 ขีด ต้องซักในโหมดถนอมผ้าพิเศษ

 

สำหรับสัญลักษณ์ห้ามซักเครื่องที่แสดงเป็นรูปมือในอ่าง หมายถึงเสื้อผ้าชิ้นนั้นต้องซักมือเท่านั้น ไม่ควรใช้เครื่องซักผ้าเพราะอาจทำให้เสื้อผ้าเสียหาย เช่น ผ้าไหม หรือผ้าลูกไม้เนื้อบาง นอกจากนี้ หากพบสัญลักษณ์กากบาททับอ่าง หมายถึงห้ามซักด้วยวิธีปกติทั้งซักมือและซักเครื่อง ให้ซักแห้งเท่านั้น

 

 

2. อุณหภูมิในการซัก

 

 

สัญลักษณ์ที่บอกถึงอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมในการซัก มักจะแสดงเป็นรูปอ่างน้ำพร้อมจุดหรือตัวเลขกำกับสัญลักษณ์ที่เครื่องซักผ้า อุณหภูมิในการซักมีความสำคัญอย่างมาก เพราะการซักผ้าด้วยอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เสื้อผ้าเสียหายได้ เช่น 

 

 

 

  อ่างน้ำที่มี 1 จุด หรือ 30°C : สามารถซักในน้ำที่อุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส 

  อ่างน้ำที่มี 2 จุด หรือ 40°C : สามารถซักด้วยน้ำอุ่นอุณหภูมิไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส 

  อ่างน้ำที่มี 3 จุด หรือ 50°C : สามารถซักด้วยน้ำอุ่นอุณหภูมิไม่เกิน 50 องศาเซลเซียส 

  อ่างน้ำที่มี 4 จุด หรือ 60°C : สามารถซักในน้ำที่อุณหภูมิไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส

  อ่างน้ำที่มี 5 จุด หรือ 90°C : สามารถซักด้วยน้ำร้อนประมาณไม่เกิน 90 องศาเซลเซียส 

 

 

3. หมวดการซักแห้ง

 

 

สัญลักษณ์ซักแห้งเป็นรูปวงกลมพร้อมตัวอักษรกำกับ บอกชนิดน้ำยาที่ใช้ในการซักแห้งได้ ดังนี้

 

 

 

  วงกลมไม่มีตัวอักษร : ซักแห้งได้ทั่วไป 

  วงกลมตัวอักษร A : ใช้น้ำยาได้ทุกชนิด 

  วงกลมตัวอักษร P : ห้ามใช้ไตรคลอโรเอทีลีน (Trichloroethylene) 

  วงกลมตัวอักษร F : ซักแห้งด้วยสารละลายปิโตรเลียมเท่านั้น

  วงกลมที่มีกากบาท : ห้ามซักแห้งเด็ดขาด 

 

 

สำหรับวงกลมตัวอักษร W (Wet Cleaning) นั้นจะเป็นการซักเปียกด้วยน้ำหรือน้ำยาพิเศษ ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญในการซัก ในส่วนของการซักแห้งจะเหมาะสำหรับเสื้อผ้าคุณภาพดีที่ต้องการการดูแลพิเศษ เช่น ชุดสูท ชุดราตรี ซึ่งไม่สามารถซักด้วยน้ำได้

 

 

 

 

4. หมวดการฟอกขาว

 

 

สัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยม เป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่าสามารถใช้น้ำยาฟอกขาวได้หรือไม่ และควรใช้ประเภทใด ดังนี้

 

 

  สามเหลี่ยมไม่มีเครื่องหมายใด ๆ : สามารถใช้สารฟอกขาวได้ทุกชนิด 

  สามเหลี่ยมที่มีตัวอักษร CL : สามารถใช้สารฟอกขาวประเภทคลอรีน บลีช (Chlorine Bleach) ได้ เหมาะสำหรับผ้าขาวโดยเฉพาะ 

  สามเหลี่ยมมีเส้นทแยง : ห้ามใช้สารฟอกขาวที่มีส่วนผสมของคลอรีน 

  สามเหลี่ยมและมีกากบาท : ห้ามใช้สารฟอกขาวทุกชนิด 

 

 

การเลือกใช้น้ำยาฟอกขาวให้เหมาะสมเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยแก้เสื้อเหม็นอับเร่งด่วน ได้โดยไม่ทำลายเนื้อผ้าและยังช่วยให้เสื้อผ้าสะอาด สีสันสดใสเหมือนใหม่อีกด้วย

 

 

5. หมวดการอบแห้ง

 

 

สัญลักษณ์อบผ้าจะเป็นวงกลมในสี่เหลี่ยม ซึ่งบ่งบอกว่าผ้าชิ้นนั้นอบได้หรือไม่ และควรใช้อุณหภูมิเท่าใด

 

 

  วงกลมสีขาว : อบได้ทุกอุณหภูมิ 

  วงกลมสีดำทึบ : อบแบบลมเย็น ไม่ใช้ความร้อน 

  วงกลมที่มี 1 จุด : อบที่อุณหภูมิ 60°C 

  วงกลมที่มี 2 จุด : อบที่อุณหภูมิปานกลาง

  วงกลมที่มี 3 จุด : อบที่อุณหภูมิสูง

  วงกลมที่มีกากบาท : ห้ามอบโดยเด็ดขาด 

 

วามร้อน

สัญลักษณ์อบผ้าเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพราะการอบผ้าที่อุณหภูมิไม่เหมาะสมอาจทำให้ผ้าหดหรือเสียรูปทรงได้

 

 

6. หมวดการตากผ้า

 

 

สัญลักษณ์รูปสี่เหลี่ยมที่มีเส้นต่าง ๆ ภายใน เป็นสัญลักษณ์บอกวิธีการตากผ้าที่เหมาะสม โดยมีรายละเอียดดังนี้ี่เหลี่ยมเปล่า : ตากได้ทุกวิธี 

 

  สี่เหลี่ยมเปล่า : ตากได้ทุกวิธี 

  สี่เหลี่ยมที่มีเส้นครึ่งวงกลมด้านบน : ตากแบบแขวน 

  สี่เหลี่ยมที่มีเส้นแนวนอนตรงกลาง : ตากในแนวราบ เหมาะสำหรับผ้ายืดที่อาจยืดเมื่อแขวน 

  สี่เหลี่ยมที่มีเส้นตรงแนวตั้งบ 3 ขีด : ใช้การหนีบแล้วตาก

  สี่เหลี่ยมที่มีเส้นทแยงมุมซ้ายบน : ตากในร่มเท่านั้น 

  สี่เหลี่ยมที่มีเส้นทแยงมุมซ้ายบนพาดด้วยครึ่งวงกลม : แขวนตากในที่ร่ม

 

 

7. หมวดการรีดผ้า

 

 

สัญลักษณ์ซักผ้าที่เป็นรูปเตารีดบอกอุณหภูมิที่เหมาะสมในการรีดผ้า ซึ่งการรีดผ้าด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมจะช่วยให้ผ้าเรียบสวย และไม่ทำให้เสื้อเสียทรง

 

 

  เตารีดไม่มีจุด : รีดได้ทุกอุณหภูมิ 

  เตารีดมี 1 จุด : รีดด้วยความร้อนต่ำไม่เกิน 100°C เหมาะสำหรับผ้าใยสังเคราะห์ 

  เตารีดมี 2 จุด : รีดด้วยความร้อนปานกลางไม่เกิน 150°C เหมาะกับผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ 

  เตารีดมี 3 จุด : รีดด้วยความร้อนสูงไม่เกิน 200°C เหมาะกับผ้าฝ้าย ผ้าลินิน 

  เตารีดที่มีกากบาททับ : ห้ามรีดเด็ดขาด 

 

 

สัญลักษณ์ซักผ้า ดูให้ดีก่อนนำไปซัก ป้องกันเสื้อผ้าเสียหาย

 

 

เสื้อผ้าแต่ละชนิดมีวิธีการดูแลที่แตกต่างกัน โดยเราสามารถสังเกตได้จากป้ายที่ติดมากับเสื้อ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสัญลักษณ์ซักผ้าอย่างชัดเจนและระบุวิธีการดูแลที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการซักมือ ซักเครื่อง หรืออบแห้ง นอกจากนี้ยังมีเครื่องหมายซักผ้าอื่น ๆ ที่ช่วยหลีกเลี่ยงความเสียหาย เช่น สัญลักษณ์ห้ามซักที่บอกว่าไม่ควรนำผ้าไปซักด้วยน้ำหรือเครื่องซักผ้า การใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้ช่วยยืดอายุเสื้อผ้าได้นานยิ่งขึ้นและเป็นการดูแลเสื้อผ้าอย่างถูกวิธี

 

หากสนใจเครื่องซักผ้า แนะนำ เครื่องซักผ้า LG ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI DD™ เป็นนวัตกรรมที่ช่วยถนอมเนื้อผ้า โดยสามารถวิเคราะห์น้ำหนักและชนิดของผ้าในแต่ละรอบการซัก เพื่อปรับรูปแบบการหมุนของถังซักให้เหมาะสมกับผ้านั้น ๆ ช่วยให้เสื้อผ้าของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.lg.com และพิเศษสุด ๆ เมื่อสมัคร LG Member รับส่วนลดเเละบริการพิเศษสุดคุ้ม

 

  รับส่วนลด 10% ทุกการสั่งซื้อ (ยกเว้นการสั่งซื้อผ่านบริการ LG Subscribe)

  ผ่อน 0% นานสูงสุด 18 เดือน

  บริการจัดส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ

  Exclusive Care Plus +  ให้คำปรึกษา 24 ชั่วโมง พร้อมการันตีซ่อมเสร็จภายใน 24 ชั่วโมง (*กรุงเทพ และปริมณฑล)

 

 

ติดต่อ LG

โทรศัพท์: 02 057 5757

ทุกวัน 8:00 - 18:00 น.

Line: @lgthailand

อีเมล: supportlgeth@lge.com